“บิ๊กช้าง”ประชุมหน่วยขึ้นตรงกลาโหม -เหล่าทัพ -กอ.รมน.-ตร.ผ่านระบบทางไกล ระดมเสริมกำลังสธ.รับมือสถานการณ์โควิด 19 เร่งปรับ SQ 7 แห่ง เป็น Hospitel พร้อมใช้ต้นพ.ค.
เมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เรียกประชุมหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ กอ.รมน.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านระบบทางไกล ที่ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเร่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 โดยพล.อ.ชัยชาญได้กำชับทุกเหล่าทัพ ขอให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้เร่งระดมทรัพยากรที่มีอยู่เข้าไปเสริมและสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาด ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อและรอรับการรักษามากขึ้น โดยขอให้เร่งจัดทำห้องผู้ป่วยหนัก ( ICU ) และขยายความสามารถของโรงพยาบาลทหาร พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่ในหน่วยทหารเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนหน่วยราชการในพื้นที่ จัดทำโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น โดยให้ประสานทำงานกับกระทรวงสาธารณสุขให้มีปริมาณเตียงเพียงพอ รองรับปริมาณผู้ป่วยในแต่ละสัปดาห์ที่มีการประเมิน พร้อมทั้งให้จัดรถพยาบาลจากโรงพยาบาลทหาร รวมทั้งการให้การสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการศบค.และศูนย์เอราวัณรับและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตกค้างเข้ารับการรักษา
“รมช.กลาโหมยังได้กำชับขอให้เร่งแปรสภาพสถานกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ( SQ ) ที่กระทรวงกลาโหมดูแลอยู่รวม 22 แห่ง เป็นหอผู้ป่วย ( Hospitel ) รองรับผู้ป่วยที่ฟื้นตัวจากโรงพยาบาลโดยเร็ว โดยให้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและผู้ประกอบการที่มีความพร้อม ทั้งนี้ให้ SQ ที่พร้อมแปรสภาพเป็น Hospitel แล้ว จำนวน 7 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 1,712 เตียง สามารถปฏิบัติงานได้ภายในต้น พ.ค.64 อย่างไรก็ตามขอให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและยังคงการบริหารจัดการ SQ ที่เหลืออยู่ให้มีเพียงพอกับปริมาณคนไทยในต่างประเทศที่ประสงค์เดินทางกลับต่อไป
นอกจากนี้พล.อ.ชัยชาญยังได้ย้ำนโยบายของนายกฯ ขอให้ทุกเหล่าทัพ พิจารณาจัดบุคลากรในสายงานแพทย์ที่ผ่านการอบรม เข้าไปช่วยเสริมการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขในการรับสายด่วน 1668 เพื่อรองรับปริมาณการแจ้งและดูแลผู้ป่วยที่มีมากขึ้นด้วย พร้อมทั้งขอให้พิจารณาสนับสนุน กทม.เป็นการเร่งด่วนจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่คลองเตย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการรักษาและการควบคุมโรคร่วมกันในภาพรวม” พล.ท.คงชีพ กล่าว