ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงฝ่ายค้าน ว่า ที่กล่าวหาว่าการล็อคดาวน์ไม่ได้ผล มีการแพร่ระบาด เพราะอาจจะไม่เข้าใจ และที่บอกว่ารัฐบาลปล่อยให้คนกลับภูมิลำเนาที่จังหวัด ซึ่งจังหวัดต้นทางมีการคัดกรองตรวจตามมาตรการเคร่งครัด นอกจากนี้จอเตือนว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมามีการนำเอกสารของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นเท็จออกมาเปิดเผยในที่ประชุมสภาฯก็ขอให้ระวังด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่าตลาดวัคซีนขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต ฉะนั้นจะต้องระวังในการพูดเรื่องด้อยค่าวัคซีน ท้ายที่สุดหากประเทศของบริษัทผู้ผลิตไม่ส่งวัคซีนมาจะทำอย่างไร ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ที่พวกท่านพูดด้อยค่าวัคซีนก็ขอให้ระวังด้วย และทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก็ฉีดวัคซีนเหมือนกัน นอกจากนี้ แต่ละประเทศที่มอบวัคซีนให้กับไทย ตนไม่เคยไปขอร้องหรืออ้อนวอนเขา เขาให้เราเอง ยืนยันว่าการจัดซื้อวัคซีนที่ราคาเท่าใดก็เบิกจ่ายเท่านั้น อย่านำหลายเรื่องมารวมกันจะทำให้คนสับสน ซึ่งรัฐบาลมีการทำงานเป็นขั้นเป็นตอน แต่ง่ายแค่คิดแล้วก็พูดไม่ต้องทำอะไรเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อถึงเรื่องที่ประเทศไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่แรกถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งผลได้และผลเสียในการเข้าร่วม หากเข้าร่วมจะต้องวางเงินมัดจำในวงเงินที่สูง และมีเงื่อนไขจำกัดหลายประการ ซึ่งก็ได้เห็นแล้วว่าประเทศที่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ไม่สามารถส่งวัคซีนให้ประเทศที่เข้าร่วมได้ตรงตามที่กำหนด และไม่สามารถเลือกวัคซีนเองได้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงกติกาหลายอย่างแล้วก็ตาม แต่หลายประเทศได้วัคซีนในสัดส่วนที่น้อยมากกับแค่หลักแสนโดสแต่สำหรับประเทศไทยได้จองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 38 ล้านโดส ถือว่าสูงกว่าหลายประเทศ ยืนยันว่า จะได้ครบ 61 ล้านโดส ภายในเดือนธ.ค.นี้ แต่ไทยมีวัคซีนในจำนวนที่มากกว่าหลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนไขว์ ทีมแพทย์มีการศึกษาเพื่อให้สามารถรับมือกับสายพันธุ์เดลต้า และสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทันต่อการระบาด แต่ฝ่ายค้านพยายามพูดหักล้าง ไม่เชื่อมั่นในข้อมูลของหมอ นักวิชาการของไทยหรืออย่างไร ขณะเดียวกันมาตรการล็อคดาวน์ถือว่ามีประสิทธิภาพทำให้ตัวเลขผู้หายป่วยได้มากขึ้น กว่าผู้ติดเชื้อแม้จะไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จากการประเมินของคณะแพทย์คาดว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
“และตั้งแต่เริ่มเปิดมาตรการ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา อย่าประมาทก็แล้วกัน ผมไม่ได้โทษประชาชน แต่ขอให้ระมัดระวัง อย่าหาว่าผมโทษประชาชน เห็นหลายคนในที่ประชุมพูดให้ผมขัดแย้งกับประชาชน ผมไม่ทราบว่าต้องการอะไร พูดชื่นชมต่างประเทศทุกอย่าง แต่กลับดิสเครดิตประเทศตัวเอง ไม่ดูข้อเท็จจริงประเทศเขาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยอมรับว่าการบริหารเตียง ในช่วงแรกมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะต้องบริหารคนจำนวนมาก ซึ่งตนก็ไม่ได้พอใจที่เห็นคนติดเชื้อจำนวนมากและจะต้องลดจำนวนให้เร็วที่สุดผมชี้แจงให้ทราบไม่ได้แก้ตัว”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลัง ชี้แจงปรากฎว่านายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า นายกรัฐมนตรี ผิดข้อบังคับ ลุกขึ้นมาอ่านอะไรก็ไม่ทราบไม่ตรงกับประเด็นที่พวกตนอภิปราย มาพูดอะไร 10- 20 นาที พยายามจับใจความ แต่ก็จับใจความไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ติดใจ เพราะนายกฯบอกว่าพูดจบแล้ว
ด้านนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 ในฐานะประธานในการประชุม ยืนยันว่า นายกฯไม่ได้ผิดข้อบังคับเพราะหลายคนก็ถือเอกสารขึ้นมาอ่านเหมือนกัน ซึ่งข้อบังคับการประชุมสภาอนุญาตให้นำเอกสารขึ้นมาอ่าน ได้โดยไม่ต้องผ่านการวินิจฉัยของประธาน และอาจจะไม่ตรงกับที่ผู้ถูกอภิปรายพูดก็ได้ ฉะนั้นที่ประชุมก็ต้องทนฟังกันหน่อยซึ่งเวลาสมาชิกอภิปรายนายกฯก็ต้องฟังด้วยเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ มีสภาพอิดโรย มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล ทำให้นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ คอยสูดน้ำมูกตลอดเวลานับได้ 98 ครั้ง จึงขอประท้วงประธานในที่ประชุม ว่า เหตุใดปล่อยให้คนเป็นหวัดเข้ามาในห้องประชุม อาจมีการแพร่เชื้อได้
จากนั้น นายศุภชัย กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับผู้ประท้วง ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายกฯ ถอดหน้ากากอนามัยแล้วเข้าไปชี้แจงยังโพเดียมที่เตรียมไว้ให้ ขณะที่นายกรัฐมนตรี บอกว่า ชี้แจงจบพอดี