ที่ ศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล พร้อม พวกรวม 11 คน กรณีเมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.-เม.ย.59 ต่อเนื่องกัน ได้สมคบกัน ตั้งแต่5 คนขึ้นไป จับกลุ่มปรึกษาหารือเพื่อร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย 19 ราย และกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าที่เช่าพื้นที่ภายบริเวณตลาดใหม่ดอนเมือง แขวง-เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ
โดย ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ แสดงให้เห็นว่า ขณะที่ จำเลยไปเก็บเงินจากผู้เสียหายและผู้ค้าในตลาดไม่ได้มีการข่มขู่ พกพาอาวุธ ในลักษณะกรรโชกทรัพย์ ส่วนประเด็นการล็อกประตู และทำลายทรัพย์สิน หากผู้ค้าไม่ยอมจ่ายเงิน ก็เป็นเพียงเรื่องที่เล่าต่อกันมาจากผู้ค้าในตลาด ในยุคของผู้บริหารชุดเดิม และจากเอกสารใบเสร็จรับเงิน ระบุวัตถุประสงค์ของเงินที่เก็บเป็นเงินกองกลางที่ไว้ใช้สำหรับค่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานรักษาความสะอาด รวมไปถึง การจัดกิจกรรมของตลาดในวันพิเศษต่าง ๆนอกจากนี้ พยานหลักฐานยังระบุว่า ผู้เสียหายกับกลุ่มจำเลย มีลักษณะการพึ่งพาช่วยเหลือกัน ผู้เสียหายไม่ได้มีความหวาดกลัวจำเลยแต่อย่างใดจึงไม่อาจระบุได้ว่า จำเลยข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ที่ ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน ให้ “ยกฟ้อง” จำเลยทั้งหมด
ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จ นายสันธนะ เปิดเผยว่า วันนี้ คำตัดสินของ ศาลอุทธรณ์ ถือว่าเสร็จกระบวนการการต่อสู้ทางกฎหมายแล้วหลังจากนี้ จะดำเนินการฟ้องกลับ 2 องค์หลัก คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตั้งแต่ระดับสั่งการ ปฎิบัติการ สืบสวน สอบสวน ตรวจค้น ทุกระดับที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบ โดย นายสันธนะได้โชว์รูปภาพตำรวจระดับนายพล 2 นาย ที่เตรียมฟ้องด้วย พร้อมบอกว่า เรื่องนี้ไม่มีการเจรจายอมความไม่รับคำขอโทษใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนเรื่องทรัพย์สินที่ถูก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ยึดไปนั้น ตนเองไม่ขอคืน แต่จะเรียกร้องความเสียหายแทน