“อดีตบิ๊กศรภ.” ออกโรงจวกก๊วนโจมตีรัฐบาลเลี้ยงไข้โควิด หนีม็อบ 3 นิ้ว ชี้โควิดเกิดขึ้นทั่วโลก เหน็บบางพรรคโจมตีวัคซีน แต่กลัวตาย แห่ไปฉีด เตือนอย่าเที่ยวท้ายุบสภาฯ ระวังเลือกตั้งครั้งหน้าอดเป็นส.ส. เพราะไม่มีฟลุ๊คซ้ำสอง
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า ร้ายแรงกว่าโควิดการออกมาโจมตี ว่ารัฐบาลเลี้ยงไข้โควิด เพื่อหนีการประท้วงของพวกม็อบปลดแอก รวมไปถึงด่าว่าคณะทำงานทางการแพทย์ควบคู่ไปด้วยว่าอยากได้อำนาจไว้ในมือนั้น ผมเห็นว่าไม่ยุติธรรมต่อรัฐบาล และพวกหมอที่ทุ่มเทกันทำงานจน เริ่มจะไม่ไหวแล้ว หมอกรำงานมาปีกว่า ตอนนี้ก็เริ่มท้อกันแล้ว
1.ถ้อยคำโจมตีที่ไม่เป็นจริงเหล่านั้นไร้น้ำใจ ไม่เหมือนคนไทยพูดเลย ถ้าเพื่อประเทศไทยเป็นโควิดประเทศเดียวก็พอจะพูดได้หรอกว่ามันเลี้ยงไข้ ตอนนี้หนักทุกประเทศเลย เรียกว่าเป็นกันทั้งโลกแล้วก็หนักกว่าเราทั้งนั้น มันจะแกล้งหรือจะเป็นการสร้างฉากของรัฐบาลได้อย่างไร เพราะโควิดที่หนักขึ้นนั้น ขนาดโอลิมปิคที่ญี่ปุ่นยังอาจจะถูกยกเลิกเลย เอาหัวสมองคิดบ้างไหม ก่อนที่พูดและก่อนที่จะเขียนออกมา
2. ถ้าเพื่อคิดไม่ออก การพูด หรือ เขียนแบบนี้มันก็มีพวกที่มีสมองน้อยยิ่งกว่าควายเท่านั้นที่เชื่อ แต่ก็บังเอิญที่คนซึ่งโง่กว่าควายนั้น ในประเทศไทยมันชอบใช้เงินแทนกินหญ้าอยู่กลุ่มหนึ่งจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้
3.พูดอะไรแล้วก็ไม่ทำจริง แห่กันไปฉีดวัคซีนทำไม เมื่อไม่เชื่อ ไปโจมตีวัคซีน นานาคำด่า ยังกับ “วัคซีน” เป็น “ข้าว” ที่โกงกันได้ง่ายๆ หรือเป็นโครงการ “รถคันแรก” ที่ทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้นมาได้ แต่พวกนี้ก็ยังกลัวตาย แห่กันไปฉีดวัคซีน อ้างเหตุผลดูดีทีเดียวว่า “จะไปเป็นตัวอย่างให้ประชาชน”
4.ความล้มเหลวจากการส่งอบจ. และ “เทศบาล” แล้วแพ้ยับเยินกลับมานั้น มีให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าคนเกือบทั้งประเทศ แสดงปฏิกริยาออกมาอย่างชัดเจน 2 แบบ คือยังไม่ยอมเลิก “วัฒนธรรม ประเพณีไทย” อย่างเด็ดขาด และยังไม่ยอมรับเงินของพวกที่มุ่งจะทำลาย ประเพณีเก่าๆของไทยอีกด้วย แสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่ยัง “มีพ่อมีแม่ที่เป็นมนุษย์สั่งสอนอยู่”
มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก เที่ยวท้ารัฐบาลยุบสภาฯ ถ้าไม่มีโควิดป่านนี้ เค้ายุบไปแล้วครับ อดเป็น ส.ส. แน่นอนเพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะฟลุ๊คซ้ำสองครับ