เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีที่นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข และสมาชิกกลุ่มแคร์ ในฐานะอดีตรมว.สาธารณสุข ระบุว่า “เรื่องวัคซีนต้องพูดได้แล้วว่าทำไมที่ผ่านมาไม่ตัดสินใจเร่งเอาวัคซีนหลากหลายตัวเข้ามาใช้ ต่อจากนี้จะหามาได้เร็วแค่ไหน อาการข้างเคียงจะพิจารณาอย่างไรต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องข้อมูลที่สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรแบบนี้เลย” ว่า ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไร ถือว่าเป็นการช่วยกัน ทั้งนี้ขอทำความเข้าใจเรื่องรายละเอียดวัคซีนที่ถูกต้องดังนี้
1.วัคซีนที่หลายประเทศผลิตกันอยู่ในห้วงเวลานี้ เป็นวัคซีนที่ผลิตเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ไม่ใช่ในภาวะปกติ จะเห็นได้ว่ากระบวนการผลิตและทดสอบใช้ระยะเวลาน้อยมาก 2.วัคซีนที่ผลิตเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินนี้ บริษัทผู้ผลิตเขายืนยันว่ามีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกัน แต่เนื่องจากระยะเวลาทดสอบสั้นมาก เขาจึงไม่อาจรับประกันได้ว่ามันจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
นายอนุทิน ระบุต่อว่า 3.ดังนั้นผู้ผลิต ซึ่งเป็นเอกชนจึงไม่ขายปลีกสุ่มสี่สุ่มห้า เขาจะขายให้แก่หน่วยงานของรัฐของประเทศที่ต้องการโดยตรง การซื้อขายที่ว่าจึงไม่ใช่G2G หรือระหว่างรัฐ แต่เป็นการซื้อขายระหว่างรัฐกับเอกชนผู้ผลิตต่างหาก จะบอกด้วยว่าในสัญญาซื้อขายที่ว่าเขาจะมีข้อกำหนดระบุไว้ด้วยว่า ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัคซีนเอาเอง เขาจะไม่รับผิดชอบ หากตกลงกันได้ดังนี้เขาจึงจะขายวัคซีนให้ และเขาไม่ขายปลีกเหมือนยาหมอตี๋ที่เราคุ้นเคย แต่จะขายเป็นล๊อตใหญ่ ๆ 4.ถ้าเอกชนรายใดใจถึงที่จะยอมรับข้อกำหนดดังกล่าวได้ และสามารถซื้อยกล๊อตได้ ก็สามารถไปเจรจากับผู้ผลิตได้ รัฐบาลไม่ได้ห้ามเลย จะยินดีเสียอีกที่ช่วยกัน จะได้มีวัคซีนมาฉีดให้พี่น้องทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยกันเร็ว ๆ จะได้เปิดประเทศเสียที 5.รัฐบาลขออย่างเดียวคือ วัคซีนที่เอกชนจะนำเข้ามาตามที่พูดถึงใน 4 นั้น จะต้องเป็นวัคซีนที่มาขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งถ้าใครอยากนำวัคซีนยี่ห้อไหน ประเทศไหนเข้ามาก็ต้องมาขึ้นทะเบียนกับอย. อันนี้เป็นกติกาสากล ทุกประเทศเขาก็ทำแบบนี้ เพราะกลัวว่าจะมีใครอุตริเอาน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือน้ำอะไรก็ไม่รู้ ใส่ขวดมาฉีดให้ชาวบ้าน แต่อ้างว่าเป็นวัคซีน เขาห่วงพลเมืองของเขากันทุกประเทศแหละ และ6.เรื่องวัคซีนที่เราวิจัยพัฒนาขึ้นเอง รัฐบาลก็ส่งเสริมและสนับสนุน เพราะจะเป็นการดีเสียอีกที่เราสามารถผลิตวัคซีนได้เอง จะได้ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ ไม่ได้ปิดกั้นอะไรทั้งนั้น
“ไม่รู้จะลืออะไรกันนักหนา ถ้าใครไปฉีดที่โรงพยาบาลเอกชนตามที่เขาเปิดให้ นำเข้ามาได้ ก็ต้องมีการให้ทำสัญญาว่าไม่ต้องรับผิดในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการฉีดวัคซีนตามกฏหมายว่าด้วยความรับผิดจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัยหรือความรับผิดตอผลิตภัณฑ์ ( Product liability)” นายอนุทิน ระบุ