ด่วนสุด “ศรีสุวรรณ” โดนทำร้ายหน้าสำนักงาน กกต. หลังเข้าให้ถ้อยคำ สอบเพื่อไทย แจกเงินดิจิทัลกว่า 5 แสนล้าน

ด่วนสุด "ศรีสุวรรณ" โดนทำร้ายหน้าสำนักงาน กกต. หลังเข้าให้ถ้อยคำ สอบเพื่อไทย แจกเงินดิจิทัลกว่า 5 แสนล้าน

วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังจากได้รับหนังสือ “ด่วนที่สุด” จาก กกต. เพื่อให้มาให้ถ้อยคำประกอบคำร้อง กรณีที่สมาคมได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10000 บาท เป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้กับพรรคและผู้สมัครพรรคเพื่อไทย อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้องหรือไม่

ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณให้ถ้อยคำยืนยันต่อ กกต.ว่าการหาเสียงโดยการแจกเงินดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืน ม.73(1) และ (5) ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ประกอบ พรบ.เงินตรา 2501 พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 พรก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 และ พรก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) 2561 ได้

อย่างไรก็ตามแม้พรรคเพื่อไทยจะได้ชี้แจงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ต้องใช้เงิน ตามมาตรา 57 พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ต่อ กกต. และได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นการทั่วไปแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากตัวเลข 5,600,000 ล้านบาท ที่ต้องนำมาใช้ในนโยบายนี้ ยังเป็นที่สงสัยกันอย่างมากว่า วงเงินดังกล่าวต้องนำมาใช้ในครั้งเดียวก่อนเริ่มโครงการ จะอ้างนำภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาทมารวมก่อนไม่ได้ ส่วนการตัดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนก็ไม่แจ้งให้ชัดว่าจะตัดงบประมาณด้านใด ตัดงบบัตรคนจน ตัดงบผู้สูงอายุ ใช่หรือไม่

ที่สำคัญ หากพรรคเพื่อไทยจัดสรรเงินที่จะต้องนำมาใช้จ่ายตามกรอบวงเงินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล จะไปกระทบกับวงเงินงบประมาณจากนโยบายการใช้จ่ายเงินอื่น ๆ ของพรรคเพื่อไทยที่มีรวม 70 นโยบาย 15 ด้าน ตามเอกสารชี้แจง ซึ่งกำหนดกรอบวงเงินที่ใช้ดำเนินการตลอดระยะเวลา 4 ปีตามวาระรัฐบาล รวมเป็นเงินกว่า 3 ล้านล้านบาทด้วย ความเป็นไปได้อาจมีน้อยมาก และหากมีความพยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวออกมาใช้ก็อาจจะไปกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของชาติ ซึ่งนอกจากสุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการหาเสียงที่ถูกครหาจากนักวิชาการและผู้ที่อยู่ในแวดวงการเงินการคลังมากมายอีกด้วย

อีกทั้งการชี้แจงนโยบายดังกล่าว อาจไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของ ม.57 พรป.พรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่ง กกต. ต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่านโยบายหาเสียงดังกล่าว มีความเป็นไปได้ หรือมีการปกปิดข้อมูลที่ควรจะแจ้งหรือไม่ หากมีการปกปิด ก็อาจจะเข้าข่ายผิด พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73(5) ได้ ซึ่งนโยบายในลักษณะ กกต.ต้องเร่งวินิจฉัยเพื่อวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับการใช้นโยบายประชานิยมสุดขั้วมาใช้หาเสียง ซึ่งอาจก่อความเสียหายต่อการเงินการคลังของชาติได้ในอนาคต แต่หาก กกต.ไม่ดำเนินการใด ๆ สมาคมฯจำต้องนำความไปฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อสร้างบรรทัดฐานของการหาเสียงต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.15 น. เกิดเหตุวุ่นวาย นายศรีสุวรรณ จรรยา ถูกชกเข้าที่ใบหน้า ภายหลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีเข้าพบ กกต. เพื่อชี้แจงและยื่นเอกสารเพิ่มเกี่ยวกับเงินดิจิทัล พรรคเพื่อไทย และขณะกำลังจะแยกย้าย มีชายผู้เห็นต่างรายหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาชก พร้อมกับตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “ฟ้องไม่เข้าเรื่อง ไปฟ้องทำไม พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ไปฟ้องนายพิธาทำไม เขาจะมีเลือกตั้งอยู่แล้ว” ต่อมานายศรีสุวรรณได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สน.ทุ่งสองห้อง

 

 

 

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 9 พ.ค.66 ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ตรวจสอบ ไต่สวน สอบสวน กรณีมีผู้ทำบัตรส่วนลดพรรคสีส้มแจกจ่ายให้กับลูกค้าที่ใช้บริการซื้อขายสินค้า โดยการการจัดทำรหัสโค้ดเป็นส่วนลดให้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการช่วยหาเสียงให้กับพรรค ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ซึ่งผลประโยชน์อื่นใดที่อาจคำนวณเป็นเงินได้ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้

ซึ่งการทำบัตรส่วนลดหาเสียงดังกล่าว เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะต้องดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ว่าพรรคดังกล่าวจัดทำขึ้นหรือมีผู้หวังดีใดจัดทำขึ้นนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เพราะนอกจากพยานหลักฐานบางส่วนที่สมาคมฯนำมายื่นให้ในวันนี้แล้ว กกต.จำต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปตามอำนาจหน้าที่ หากพบว่าเป็นไปตามคำร้องและตามหลักฐาน ก็อาจถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ตาม ม.73 (1) และ (5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่นด้วยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายข้างต้นได้

นอกจากนั้น ยังพบว่ามีร้านค้าหลายแห่งกระทำการช่วยหาเสียงให้กับพรรคสีส้ม ด้วยวิธีการพิมพ์ข้อความลงในสลิปเรียกใบเสร็จว่าให้ไปช่วยเลือกพรรคสีส้มในวันที่ 14 พ.ค.66 นี้ด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นการช่วยหาเสียงให้กับพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองดังกล่าวจะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการรายงานค่าใช้จ่ายในการหาเสียงตามที่ กกต.กำหนดภายใน 90 วันหลังจากการเลือกตั้งตาม ม.67 ประกอบ ม.63 ม.64 แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส.2561 ด้วย หากไม่รายงาน หรือรายงานแต่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็อาจมีความผิดตาม ม.155 ได้

ดังนั้น หากหัวหน้าพรรคการเมืองดังกล่าวจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วน ตาม ม.67 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และ ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี แต่ถ้าบัญชีรายรับและรายจ่ายที่ยื่นตาม ม. 67 เป็นเท็จ หัวหน้าพรรคการเมืองดังกล่าว ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 100,000 บาท และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปีอีกด้วย

หลักฐานดังกล่าวที่สมาคมฯยื่นให้ กกต.วันนี้ คงต้องรอนำไปตรวจสอบอีกครั้งหลังจากพรรคดังกล่าวยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งภายใน 90 วันหลังเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.จะประกาศเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ถึงเวลานั้นถ้าหลักฐานที่สมาคมฯนำมายื่นในวันนี้ไม่ปรากฏในบัญชี คงเป็นเรื่องแน่ นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อนุทิน” น้ำตาคลอ หลังเห็นชาวเชียงใหม่น้ำท่วมหนัก แต่ยังยิ้มได้ ลั่นเรามาให้กำลังใจเขาแต่ได้กำลังใจกลับมา
นักท่องเที่ยวฮือฮา! ตะเกียงเจ้าพายุ รถจิ๊ปโบราณอายุ 82 ปี เคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2
ตร.ตามรวบถึงที่ หนุ่มปล่อย "ภาพลับ-คลิป" อดีตแฟนสาว หลังเลิกกัน ตามรังควานไม่หยุด
นทท.เริ่มเดินทางเข้าตราดลงเกาะช้าง เกาะกูดจำนวนมากแต่ยังไม่คึกคัก
"ผู้ต้องหาเยาวชน" หนีตำรวจ กระโดดลงคลองแสนแสบ จมน้ำดับสลด
สลด! หนูน้อย 6 ขวบ ลื่นตะไคร่หัวปักจมอ่างเก็บน้ำดับ แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ พุ่งกอดศพลูกด้วยความอาลัย
ไม่มีละเว้น "ทบ." สั่งขังสิบเวร ปมลงโทษทหารเกินกว่าเหตุในหน่วยลพบุรี
เปิดผลสำรวจ ความสุขในฐานะทางการเงินของชีวิตคนไทย เพิ่มขึ้น
"ป้า" น้องปูอัด ฮีโร่รถบัสไฟไหม้ สุดงง "แม่" โผล่ทวงสิทธิ รับเงินเยียวยา 1.2 ล้าน ทั้งที่ไม่เคยเลี้ยงดู
ตร.ตามจับหนุ่มใหญ่ติดแบล็คลิสต์ สวมเลขบัตรปชช.คนอื่น ทำบัตรเครดิต หนีหนี้กว่าครึ่งล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น