วันที่ 14 ส.ค. – ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19ว่า ในเดือนสิงหาคมนี้น่าจะได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อหลักล้าน ผู้เสียชีวิตมีโอกาสแตะหลักหมื่น แม้จะมีการล็อกดาวน์แล้ว แต่เนื่องจากการติดเชื้อซึมลึกถึงชุมชนและครัวเรือน ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปได้ยากลำบาก สิ่งที่ต้องเร่งทำโดยด่วนคือเข้าให้ถึงผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่ในบ้านและชุมชนให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้คนเหล่านี้เข้าถึงการรักษาและหยุดยั้งการแพร่ระบาดด้วยการล็อกดาวน์ชุมชนทันที โดยภาครัฐเข้าไปดูแลเรื่องอาหารให้ทั้งชุมชนตลอด 14 วัน ไม่ใช่แค่ดูแลผู้ป่วยในโฮมไอโซเลชันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นไม่มีทางจบ
ศ.ดร.กนก กล่าวว่า ในวิกฤตเช่นนี้ต้องปรับระบบราชการให้ทันสถานการณ์โควิด จะใช้วิธีการแบบปกติไม่ได้ จะต้องใช้ระบบการบริหารราชการแบบวิกฤติคือ ข้าราชการจะต้องคิดล่วงหน้า เตรียมตัวที่จะรับมือปัญหาไม่ใช่วิ่งตามแก้ปัญหาเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ และต้องให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาโดยง่ายด้วย เพื่อยับยั้งไม่ให้ผู้ป่วยสีเขียวกลายเป็นเหลืองและแดงจนเสียชีวิตคาบ้าน ความสูญเสียจะเกิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเร็วของการปฏิบัติการ เพราะอาการผู้ป่วยโควิด 19 หากพบอาการติดเชื้อโควิด 19 แล้วภายใน 4 วันถ้าไม่ได้รับการรักษา โอกาสที่อาการจะรุนแรงจนกระทั่งถึงขั้นเสียชีวิตมีสูงมาก การรักษาจึงมีช่วงเวลาทอง 4 วันเท่านั้น หลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 นั่นหมายความว่าจะต้องรีบทำให้เร็ว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้ผู้ป่วยโควิด 19 มีจำนวนมาก โรงพยาบาลสนามเต็มหมดแล้ว คำถามคือเราจะเตรียมการอย่างไรให้รวดเร็ว เพราะคนตรวจ PCR แล้วผลออกมาเป็นบวกต้องการที่จะเข้าสู่ระบบการรักษา ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้เข้าสู่ระบบ รวมทั้งยารักษาและเครื่องมืออุปกรณ์ ในการรักษาตัว แม้กระทั่งการทำวีดีโอคอลกับแพทย์ซึ่งระบบวางไว้ในการรักษาทำได้หรือไม่ อาหารที่จะต้องส่งให้ผู้ป่วยส่งถึงจริงหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ความเร็ว เมื่อจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นสิ่งที่ตามมาคือการจัดสร้างโรงพยาบาลสนาม การจัดหาเครื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งจะต้องขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณซึ่งก็ล่าช้า สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขเพราะกฎระเบียบทำให้เกิดความล่าช้า ความปลอดภัยของประชาชนวันนี้ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด หลายเรื่องถูกขวางด้วยกฎระเบียบของทางราชการและข้าราชการก็เป็นคนที่ยึดกฎระเบียบ
ศ.ดร.กนก กล่าวอีกว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือสิ่งที่สำคัญสูงสุดและถือเป็นความสำเร็จของการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการทุกคน วันนี้ต้องขอชื่นชมแพทย์พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทั้งหลาย ที่เป็นแบบอย่างของการปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตสำนึกที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ข้าราชการในกระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ ควรจะนำไปเป็นแบบอย่างเพื่อให้การบริหารราชการแบบวิกฤติเกิดผลสำเร็จ ซึ่งนั่นก็คือความปลอดภัยของประชาชน สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือ จะต้องมีความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจที่จะแก้ปัญหาบวกกับจิตสำนึก ซึ่งคือหัวใจของการแก้ปัญหาในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ให้สำเร็จ