กลุ่ม Stop AAPI Hate ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรระดับชาติ ที่ติดตามและตอบสนองต่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังที่มีแรงจูงใจทางเชื้อชาติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและแปซิฟิก ได้รับรายงานอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2020 ถึงเดือนมิถุนายนนี้ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 9,081 ฉบับ โดยเกิดขึ้นในปี 2563 ทั้งหมด 4,548 ครั้ง และปี 2564 อีก 4,533 ครั้ง
นับตั้งแต่มีการรายงานไวรัสโคโรน่าครั้งแรกในประเทศจีน ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและชาวเกาะแปซิฟิกทั่วทั้งสหรัฐ ต้องเผชิญกับความคลั่งไคล้ในรูปแบบของการล่วงละเมิดทางวาจาและการทำร้ายร่างกาย หลายคนตำหนิโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ปลุกระดมความรู้สึกต่อต้านชาวเอเชียโดยการใช้คำเหยียดเชื้อชาติเมื่อพูดถึงไวรัส เช่นเรียกว่า“ไวรัสจีน” เป็นต้น
สำหรับรายงานที่เกี่ยวข้องกับความเกลียดชังเชื้อชาติเอเชียและแปซิฟิก แบ่งเป็น การล่วงละเมิดทางวาจาคิดเป็น 63.7 เปอร์เซ็นต์ การทำร้ายร่างกายคิดเป็น 13.7 เปอร์เซ็นต์ การล่วงละเมิดทางออนไลน์คิดเป็น 8.3 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับเหตุการณ์เหล่านี้ที่มีผู้หญิงเกี่ยวข้องคิดเป็น 63.3 เปอร์เซ็นต์ พบอาชญากรรมจากความเกลียดชังในผู้สูงอายุในปีนี้มีประมาณ 7.2 เปอร์เซ็นต์
เมื่อเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมจากความเกลียดชังโควิด 19 เพื่อช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่นปรับปรุงการสืบสวน การระบุตัวตน และการรายงานเหตุการณ์ที่มีการตั้งข้อหาทางเชื้อชาติ ซึ่งทางกลุ่ม Stop AAPI Hate ก็ยกย่องร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการมุ่งเน้นที่การบังคับใช้กฎหมายมากกว่าจะเน้นไปในทางการปฏิรูปชุมชน