วันที่ 4 ส.ค. – นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์และไอซีที ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการแปรงบประมาณที่มีการปรับลดในชั้นอนุกรรมาธิการเข้าไปรวมในงบกลาง ว่า การพิจารณาของอนุกรรมาธิการ และกรรมาธิการในการตัดงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นหรือที่เรียกว่าเป็นงบไขมันส่วนเกินของแต่ละหน่วยงานนั้น ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด19 ซึ่งงบประมาณบางส่วนที่กรรมาธิการมีการตัดก็มีความจำเป็นต่อหน่วยงาน แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่จำเป็นต้องนำงบประมาณมาช่วยประชาชนก่อนทางหน่วยงานต่างๆ ก็ยินดีที่จะให้ตัด
นายอัครเดช กล่าวว่า ในการพิจารณาแต่ละครั้งตัวแทนจากพรรคก้าวไกลที่ร่วมประชุมก็ได้เน้นย้ำเสมอว่าจะต้องนำเงินมาช่วยเหลือประชาชน ซึ่งการที่กรรมาธิการแปรไปงบกลางนั้นถือว่ามีความเหมาะสมด้วยเหตุผลที่เป็นช่องทางที่สามารถใช้งบประมาณได้เร็วที่สุด และมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่านำไปเยียวยาช่วยเหลือโควิด19 ซึ่งก็ตรงกับเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกล ดังนั้นการที่พรรคก้าวไกลออกมาพูดในลักษณะว่าเป็นการตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรีนั้นถือว่าไม่ถูกต้อง การโอนไปรวมกับงบกลางนั้นถือว่าไม่ใช่เป็นการตีเช็คเปล่าให้นายกรัฐมนตรี เพราะงบกลางมีวัตถุประสงค์ในการใช้งบประมาณที่ชัดเจน และไม่ใช่ว่าจะสามารถทุจริตได้ง่าย เพราะมีกระบวนการในการตรวจสอบการทุจริตที่เข้มงวด
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า หากไม่แปรงบประมาณที่ปรับลดเข้าไปในงบกลาง จะให้เอาไปไว้ที่ไหน และการที่จะโอนไปยังท้องถิ่นนั้นอาจจะไม่ทันต่อการแก้ไขสถานการณ์ เนื่องจากท้องถิ่นมีระเบียบในการเบิกจ่ายที่ยุ่งยาก ไม่เอื้ออำนวยต่อสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้ รวมถึงท้องถิ่นที่ยื่นคำของบประมาณโดยตรงจากสำนักงบประมาณก็ไม่ครอบคลุมองค์กรท้องถิ่นทั้งประเทศ จึงอาจจะมีปัญหาในการจัดสรรงบประมาณตามมาอีกด้วย