สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 ทีมข่าวได้นำเสนอข่าวกระบือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ 3 ตัว ซึ่งเป็นกระบือของนางละมัย ห้วยลึกที่อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.2 ดงบัง อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี นอกจากนี้ยังควายอีก 5 ตัว เริ่มมีอาการป่วยไข้ขึ้นสูง น้ำลายฟูมปากไม่กินอาหารแล้ว ซึ่งทางเจ้าของต้องใช้เชือกผูกดึงตัวไม่ให้ล้มลง เนื่องจากกระบือล้มลงกับพื้นไม่เกิน 20 นาทีก็จะเสียชีวิตทันที ทางทีมแพทย์จึงได้ทำการฉีดยาให้กับกระบือทั้งหมด ตัวละ 2 เข็ม คาดเป็นโรคระบาด ในวัว ควาย ล่าสุด นางละมัยได้โทรมาแจ้งทีมข่าวว่า กระบือของตนได้ล้มตายลงอีก 2 ตัว ทั้งนี้ 1 ได้ 2 ตัวที่ตาย มีกระบือเพจเมียซึ่งเป็นจ่าฝูงท้องประมาณ 7 เดือน ซึ่งลูกในท้องได้ตายไปพร้อมกับกระเบื้องตัวนั้นด้วย ซึ่งนางละมัยแจ้งว่าวันนี้มีแต่ว่าแพทย์และปศุสัตว์จะลงพื้นที่บ้านของตนเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายของกระบือ
เบื้องต้นวันนี้ 3 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่อีกยัง ได้พบกับนายสมพงษ์ จันทะหาร ผอ. ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออก ร่วมกับทีมสัตวแพทย์และปศุสัตว์จังหวัดปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่เพื่อผ่าพิสูจน์ซากควายที่เหลือ หาสาเหตุการตายของกระบือ โดยได้มีการเก็บเศษชิ้นเนื้อไม่ว่าจะเป็น ตับ ม้าม หัวใจ ไส้ ไปตรวจเชิงลึกที่ห้องแลปอีกครั้ง ส่วนซากกระบือทั้งหมดทางเจ้าของได้ทำการฝั่งกลบตามขั้นตอนอย่างถุกต้องทั้งหมด รวมถึงได้มีการนิมนต์พระสงฆ์สวดอุทิศให้กับกระบือทั้งหมดที่ตายไป เพื่อเป็นการอุทิศผลกุศลให้ ก่อนหน้านี้กระบือที่ตายนั้นได้สร้างประโยนช์ให้กับทางครอบครัวตลอดมา
ทั้งนี้จากการสอบถาม นายสุพล มฤกุล อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 1 ม.2 ต.ดงบัง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เจ้าของควาย(สามีนางละมัย ห้วยลึก)กล่าวว่า ตนได้เลี้ยงควายคอกนี้มารวม 9 ตัว และอยู่ในท้องใกล้คลอด อีก 1 ตัว ในขณะนี้ควายใหญ่ในคอกของตน ได้ตาไปแล้ว จำนวน 5 ตัว ตายในท้องอีก 1 ตัว รวมเป็น 6 ตัว ตัวสุดท้ายที่ตาย เป็นควายเพศผู้ อายุ 2 ปี (ชื่อคูณ) ที่พึ่งล้มตายไป เมื่อเวลาประมาณ 15.45 น.วานนี้ 2 สิงหาคม 2564 นายสุพล บอกอีกว่า ปกติแล้ว ทางปศุสัตว์จะมาทำการฉีดวัคซีนให้ควายของตนทุกปี แต่ปีนี้ยังไม่มีการเข้ามาฉีดวัคซีนให้แต่อย่างใด และควายของตนก็มาตายในปีนี้เป็นจำนวนมากพอดี
นายสุพล กล่าวต่ออีกว่า สำหรับควายของตนที่ยังเหลืออยู่นี้ คงต้องหาสถานที่ ทำคอกให้ใหม่ เพราะเกรงว่าเชื้อโรคที่ทำให้ควายที่ตายไป อาจจะแพร่เชื้อรุนแรง และอาจทำให้ควายที่เหลืออยู่อีกจำนวน 4 ตัวนี้ ตายตามไปอีก และอยากให้ทางปศุสัตว์เร่งวินิจฉัย ผลการตรวจให้เร็ว เพื่อเป็นการเตือนให้เกษตรกรผู้เลี้ยง วัว ควายในพื้นที่ใกล้เคียง จะได้ระมัด ระวัง และหาทางป้องกันได้ทัน เพื่อไม่ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ควาย รายอื่นๆ เกิดการสูญเสียอย่างเช่นของตนที่เป็นอยู่เวลานี้
และจากการนำซากทั้งนี้ด้านการตรวจสอบโรคและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ(ห้องแลป)เชิงลึกสรุปได้ดังนี้ การป่วยและตายของกระบือไม่ได้เกิดจากโรคลำปี้สกิน จากรอยโรคที่ตรวจสอบจากการนำซาก พบว่ามีอาการปอดอักเสบรุนแรง พบน้ำในถุงหุ้มหัวใจ ในช่วงอก ในช่วงท้อง และพบการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งอวัยวะภายในมีอาการซีดผิดปกติ สันนิษฐานว่าการป่วยตายของกระบือ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยโรคที่อยู่ในเกณฑ์สูงสุดได้แก่ 1.โรคติดเชื้อคลอสต๊ะดียมและคอบวม ในเบื้องต้นได้ทำการรักษากระบือป่วยโดยการฉีดยาคุมเพนิซิคติน ร่วมกับยารักษาตามอาการให้กับกระบือที่เหลืออยู่ในคอกจำนวน 4 ตัว
ทั้งนี้ทางปศุสัตว์ได้แนะนำให้ดูแลและจัดการเรื่องอาหารสัตว์เช่นหญ้าและฟางควรเก็บในที่สะอาดและทำความสะอาดพื้นคอกรวมทั้งพ่นยาฆ่าเชื้อให้โดยรอบบริเวณ
ข่าว-ภาพ สายชล หนูแดง ดิเรกฤทธิ แสงสุวรรณ ผู้สื่อข่าวTOPNEWS จ.ปราจีนบุรี