No data was found

ภาคเอกชน แนะรัฐเร่งตรวจ Rapid Test “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว”

กดติดตาม TOP NEWS

ภาคเอกชน คาดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จะยืดเยื้ออีก 2-3 เดือน แนะทุกฝ่ายต้องเร่งตรวจ เพื่อหาผู้ติดเชื้อ ตามแนวคิด “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว” ภาครัฐต้องสนับสนุนการจัดหา Antigen Test Kit และปรับเกณฑ์แยกผู้ป่วย บริหารจัดการเตียงใหม่

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าฯ ได้หารือกับภาคเอกชนในเครือข่ายเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ ว่ายังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาครัฐจะพยายามตรวจเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อ แต่ก็ยังไม่รวดเร็วและเพียงพอ

นอกจากนั้น การจัดหาและกระจายวัคซีนก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประกอบกับเชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ ทำให้การระบาดในระลอกนี้ รุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้ออีก 2-3 เดือน รวมทั้งจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม สถานประกอบการ และชุมชนที่มีแรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งหากยังไม่สามารถควบคุมและตัดวงจรการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ จะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการผลิตและส่งออก ซึ่งเป็นช่องทางสุดท้ายที่เศรษฐกิจไทยเหลืออยู่ อาจจะเกิดการปิดโรงงาน หยุดการผลิต ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เศรฐกิจทั้งประเทศจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้

หอการค้าไทยและเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ จึงได้เสนอแนวทางและมาตรการที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน โดยมีประเด็นข้อเสนอแนะ ดังนี้

1. แนวทางที่ภาคเอกชนจะดำเนินการ เพื่อเสริมการดำเนินงานของรัฐบาล

• ภาคเอกชนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ในขณะนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันตรวจหาเชื้อ เพื่อให้ทราบตัวผู้ติดเชื้อก่อน โดยใช้แนวคิด “รู้เร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว” โดยภาครัฐจะต้องสนับสนุนการจัดหา Antigen Test Kit ให้มีราคาถูก หลากหลาย มีคุณภาพ และหาซื้อได้ง่าย ทั้งนี้ จะต้องเร่งดำเนินการในเชิงรุก รวมถึงมีการสื่อสารที่ชัดเจน เช่น วิธีการใช้ชุดตรวจทำอย่างไร ทิ้งอย่างไร ตรวจแล้วพบเชื้อต้องดำเนินการอย่างไร โดยอาจมีการทำคู่มือสำหรับประชาชนและสถานประกอบการ พร้อมย้ำว่า ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันสร้างความรู้ความเข้าใจของโรคกับประชาชน (Covid Literacy) ให้เข้าใจวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง และทันต่อการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค

• ภาคเอกชนหลายบริษัทได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางปฏิบัติกลาง เพื่อนำไปปรับใช้สำหรับสถานประกอบการหรือโรงงานให้สอดคล้องกับศักยภาพของสถานประกอบการ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก ในลักษณะการจัดทำแผนหรือมาตรการดูแลพนักงาน ทั้งกรณีที่ทำงานและที่พักอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน และกรณีที่ทำงานกับที่พักอยู่ต่างที่กัน ทั้งแผน Home Isolation/ Company Isolation นอกจากนั้น ยังพร้อมทำความร่วมมือกับโรงพยาบาลและโรงแรม เพื่อเป็นที่พักให้พนักงานที่ติดเชื้อ มีการอบรมพนักงานในโรงแรม ให้สามารถช่วยเหลือทีมแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นได้ และให้เอกชนจับคู่กับโรงพยาบาลใกล้เคียงหรือโรงพยาบาลภายใต้ ม.33 เพื่อช่วยให้คำปรึกษาและดำเนินการ เป็นต้น

• การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ใหม่มีแนวทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม หอการค้าไทยเสนอให้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการทำความเข้าใจ วิธีการป้องกันใหม่ รวมถึงแนวทางการดำเนินการ สำหรับผู้ประกอบการและประชาชน ให้เข้าใจตรงกันและปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ในรูปแบบของพี่ช่วยน้อง นอกจากนั้น เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าถึง Rapid Antigen Test kit ในราคาที่เหมาะสม หอการค้าไทยได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำคำแนะนำ และช่วยผู้ประกอบการจัดหาชุดตรวจฯ ในราคาที่เหมาะสมต่อไป

2. ขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากภาครัฐ

• Rapid Antigen Test Kit ในราคาที่เหมาะสม ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ หรือภาครัฐมีการสนับสนุน หาซื้อได้ง่าย มีคุณภาพตามมาตรฐาน และมีปริมาณเพียงพอ รวมถึงการบริหารจัดการในการกำจัด

• ปรับระบบการบริหารจัดการเตียงใหม่ โดยแยกประเภทและการใช้ระหว่างกลุ่มเสี่ยง (สีเขียว) และผู้ป่วย (สีเหลือง สีแดง) ให้ชัดเจน ปรับลดเกณฑ์ Hospitel และเพิ่ม Hotel Isolation สำหรับรองรับกลุ่มสีเขียว เพื่อลดการใช้เตียงในโรงพยาบาลสนาม และโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง

• เพิ่มจำนวนสถานที่และเตียง โดยภาครัฐสามารถมาสนับสนุนเอกชนในการทำ Company Isolation หรือ Hospitel โดยติดต่อโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก โดยรัฐบาลช่วยจ่ายค่าที่พัก รวมถึงการลงทุนของโรงแรม ในการปรับระบบการจัดการสถานที่ให้เหมาะสมกับการดูแลผู้ติดเชื้อ

• การใช้ Telemedicine ควรมี database กลาง และกระบวนการที่ชัดเจน โดยเพิ่มการแนะนำและติดตามอาการผ่านวิดีโอคอล มีแพทย์ให้คำแนะนำดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้ป่วย

• 25 ศูนย์ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน พร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล เพื่อให้วัคซีนเข้าถึงประชาชนได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

• ในระยะถัดไป อาจมีการกลายพันธุ์ของไวรัสอีก ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด ทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เช่น วัคซีน ยา และ Rapid Test Kit เป็นต้น เพื่อให้มีการผลิตในประเทศไทย โดยสามารถให้เอกชนร่วมกันสนับสนุน

นายสนั่น กล่าวตอนท้ายว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดยังมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนเรากำลังตามแก้ไขปัญหา ทุกส่วนจึงต้องปรับวิธีการ ให้เป็นเชิงรุกอย่างจริงจัง หอการค้าไทยและเครือข่ายภาคเอกชน ตลอดจนสมาชิกทุกกลุ่มธุรกิจ มีความพร้อมและยินดีที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ เพื่อหาแนวทางร่วมแก้ไขวิกฤตินี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"วันชัย" สวนหมอดู ทักดวง "ทักษิณ" ก.ย.นี้โดนรัฐประหาร ลั่นใครจะทำเขามากับอาญาสวรรค์
"ดร.อานนท์" ประชดเจ็บ! อยากให้ "ก้าวไกล-ธนาธร"พัง! ลองให้เป็นรัฐบาลรับรองไปไม่รอด
แม่ร้อง "ปวีณา" ช่วยนำศพลูกสาวกลับไทย หลังสถานทูตเพิ่งแจ้งข่าว ดับปริศนา นานกว่า 1 ปี
"ทนายอนันต์ชัย" ลั่น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน "เชื่อมจิต"
"ปชป." จี้รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจอย่าซื้อเวลา ทำประชามติกี่ครั้ง แก้รธน.จำเป็นต้องทำเพื่อสร้าง "ปชต." ที่สมบูรณ์
"ชาวบ้านปทุมฯ" เดือดร้อนหนัก "เกษตรกร" เดินหน้าจุดไฟ "เผาตอซังข้าว" ไม่เกรงกลัวกม.
"สุทิน" แก้ ระเบียบกลาโหม ติดดาบ นายกฯสั่งทหารก่อปฏิวัติ พ้นตำแหน่งทันที
ตะวันออกกลาง ยังไม่พ้นขีดน่ากังวล
สุดระทึก "สหรัฐฯ" เกิดกราดยิงกลางงานกิจกรรม นร.นับร้อยหนีเอาชีวิตรอด พบบาดเจ็บ 5 ราย
จับตาคดีสำคัญ สัปดาห์หน้านัดชี้ชะตา "สามนิ้ว" หลายคดี "เพนกวิ้น-โตโต้-แอมมี่" ลุ้นคดีอาญา มาตรา 112

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น