หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดโควิด 19 ได้เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เวียดนามกำลังเผชิญกับการระบาดที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่นั้น จะอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจทางใต้ของนครโฮจิมินห์ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง และเพราะการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ ทำให้ทางการสั่งล็อคดาวน์ทั้งนครโฮจิมินห์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ทางการจึงตัดสินใจขยายมาตรการล็อคดาวน์ออกไปอีก 2 สัปดาห์ โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 1 สิงหาคม
การล็อคดาวน์ของเวียดนาม จะมีรูปแบบคือ ต้องทำงานอยู่บ้าน ห้ามชุมนุมเกิน 2 คน ระงับบริการขนส่งสาธารณะ ในด้านบริการธนาคารและหลักทรัพย์ในเมืองจะลดลงให้เหลือน้อยที่สุด การก่อสร้างหากไม่จำเป็นก็ให้ระงับไว้ก่อน
นอกจากนี้ทางการได้เร่งให้มีการพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมือง โดยกำหนดระยะเวลา 7 วันในการปฏิบัติการและจะเน้นตามจุดคลัสเตอร์ต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง
กองกำลังที่เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ ประกอบด้วยทหาร 100 นายจากกองบัญชาการเมือง กองพลเคมี 87 สังกัดกองพลเคมี กองพันเคมี 38 แห่งเขตทหาร 7 และกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่
หัวหน้าแผนกเคมีของเขตทหาร 7 กล่าวว่า กองกำลังทหารจะจัดลำดับความสำคัญในการฉีดพ่นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นเวลา 7 วัน สารฆ่าเชื้อที่นำมาใช้ในการฉีดพ่น คือคลอรามินบีผสมกับน้ำในอัตราร้อยละ 0.5 ซึ่งปลอดภัยสำหรับมนุษย์
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน กองกำลังทหารได้เคยทำการฆ่าเชื้อในเขตที่เป็นคลัสเตอร์จุดต่างๆมาแล้ว แต่จากการระบาดที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด จึงได้ตัดสินใจฉีดพ่นฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมือง
ขณะนี้เวียดนามมีผู้ติดเชื้อโดยรวม 81,678 คน และเสียชีวิต 370 คน