No data was found

“อู่ฮั่นโมเดล” เป็นอย่างไร?

กดติดตาม TOP NEWS

"หากตัวเลข ในรอบ 2 เดือนไม่ลดลง เตรียมยกระดับใช้ อู่ฮั่นโมเดล"

นี่คือคำแถลงล่าสุดของ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ต่อสื่อมวลชน เมื่อเย็นวันที่ 18 ก.ค.

เป็นวันเดียวกับที่ข้อกำหนดล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด เพิ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้อีก 2 วันข้างหน้า หรือวันที่ 20 ก.ค.ที่จะถึงนี้

โดยขยายพื้นที่ครอบคลุม 13 จังหวัดควบคุมขั้นสูงหรือพื้นที่สีแดงเข้มนั่นเอง

มาตรการที่ยกระดับขึ้นสูงที่เน้นลดการเดินทาง ห้ามออกจากบ้าน ออกเป็นเวลา ถือว่าหนักมากแล้ว แต่ยังมีหนักกว่านี้อีกหรือ!!!!

ทีมแพทย์ได้วางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าหากตัวเลขผู้ติดเชื้อในสองเดือนนี้ไม่ลดลงโดยอาจจำเป็นต้องนำมาตรการ”อู่ฮั่นโมเดล” มาใช้

อู่ฮั่นโมเดล” เป็นอย่างไร

อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยในงานพบปะสื่อมวลชนวันนี้( 18 ก.ค. ) ว่า “เป็นการล็อคดาวน์เมืองนั้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

นั่นคือประชาชนอยู่บ้าน งดการเดินทาง หรือถึงขั้นต้องส่งข้าว ส่งน้ำตามบ้าน เป็นต้น

 

เมื่อย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 พ.ค 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์รายวันช่วงหนึ่ง ว่า ในที่ประชุม ศบค. นายกรัฐมนตรีระบุว่าทุกวันนี้เราไล่ตามผู้ติดเชื้อแล้วมารายงานตัวเลข จึงเน้นย้ำว่าต้องมีมาตรการป้องกันและควบคุมอย่างจริงจัง โดยยกตัวอย่างมาตรการของจีนที่ประสบความสำเร็จในการเผชิญหน้ากับโควิด-19 ที่อู่ฮั่น

ตัวอย่างมาตรการ หรือ อู่ฮั่นโมเดล จำนวน 4 ข้อ ได้แก่

1.พื้นที่ที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดต้องใช้การป้องกันและดูแลเป็นพิเศษ ไม่ให้มีการนำเชื้อเข้ามาในพื้นที่
2.พื้นที่ที่เริ่มมีผู้ป่วย ให้ใช้มาตรการค้นหาควบคุมการระบาดในพื้นที่
3.พื้นที่ที่มีการระบาดเป็นกลุ่ม ต้องคุมการแพร่โรค ป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อไปพื้นที่อื่น ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างดีที่สุด
4.พื้นที่ที่มีการระบาดมาก ต้องดูแลผู้ป่วยเป็นหลัก ควบคุมการแพร่เชื้อ ควบคุมการเดินทาง

 

 

ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ทางการจีนได้เตรียมการวางระบบคัดกรองบุคคลก่อนเข้าและออกอู่ฮั่น โดยทุกคนจะต้องมีประวัติสุขภาพผ่านระบบแอพลิเคชั่น

ระะบบสาธารณสุขของประเทศจีน จะมีสิ่งที่เรียกว่ารหัสสุขภาพที่คล้ายกับคิวอาร์โค้ดที่จะอยู่บนโทรศัพท์ของแต่ละคน ซึ่งรหัสนี้เป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลกลางจีนร่วมกับบริษัท Alipay และบริษัท Wechat ได้พัฒนาเอาไว้เพื่อที่จะรับมือกับโรคโควิด-19

ซึ่งผู้ถูกสแกนจะมีระดับความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดอยู่ 3 ระดับ ได้แก่ รหัสแดง รหัสเหลือง และรหัสเขียว

โดยรหัสเขียว จะหมายถึงการที่เจ้าของโทรศัพท์ผู้ถูกสแกนมีความเสี่ยงต่ำที่จะได้รับไวรัส ซึ่งถือเป็นค่ามาตรฐานของเครื่องสแกน ส่วนรหัสเหลืองหมายถึงผู้ที่เคยพบปะกับผู้ที่ติดเชื้อ ส่วนรหัสแดงหมายถึงผู้ถูกสแกนที่ยังป่วยอยู่ ซึ่งในปัจจุบันผู้ที่จะเดินทางข้ามเมืองได้จะต้องเป็นผู้ที่ถูกสแกนว่าเป็นรหัสเขียวกรณีเดียวเท่านั้น

 

 

หากตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบสองเดือนของประเทศไทย ยังไม่มีทีท่าลดลง ประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้ม ก็คงจะต้องได้ปรับตัวเรียนรู้ใหม่กับมาตรการ “อู่ฮั่นโมเดล” ซึ่งก็ไม่มีใครปรารถนาให้ไปถึงวันนั้น

สำคัญจึงอยู่ที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องมีจิตสำนึกสาธารณะ ร่วมกัน เพื่อไม่ต้องไปถึงการยกระดับมาตรการ “อู่ฮั่นโมเดล “ มาใช้กับทุกคน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮามาสปล่อยคลิปตัวประกันชาวอเมริกันเชื้อสายยิว
มจร. เร่งฝึกอบรมผู้บริหารเพื่อการพัฒนาแบบก้าวกระโดด
กะเหรี่ยงอ้าง “ทัพเมียนมา” ใช้อาวุธเคมี ทำทหารฝ่ายต่อต้านนอนดิ้นกับพื้น เพจดังเฉลยแล้ว เป็นอะไรกันแน่
ผอ.ฟ้า ถวายพระสมเด็จ 24 วัดทั่วประเทศ รวม3หมื่นองค์ ดารา-นักร้อง ชาวบ้านแห่ร่วมงานกันคึกคัก
"นักท่องเที่ยวจีน" ครองแชมป์ "เที่ยวไทย" มากสุดช่วงสงกรานต์ปี 2567
"ก้าวไกล" ฉุนทำประชามติแก้รธน. ไม่พ่วงคำถามแก้หมวด 1 และ 2 แตะสถาบันอ้างหลักการเอาประชาชนบังหน้าควรแก้ได้ทั้งหมด
"แม่ทัพภาค 1" จัดกิจกรรม ‘จิตอาสา ทำความดี ด้วยหัวใจ’ เขตดินแดง เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
สหรัฐ ไล่จับจระเข้โผล่นอนเล่นสนามบิน
'นักท่องเที่ยวจีน' ครองแชมป์ 'เที่ยวไทย' มากสุดช่วงสงกรานต์
"ธปท." ไม่ขัดข้องรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นศก. ย้ำจุดยืนแจก "ดิจิทัลวอลเล็ต" ต้องใช้งบคุณค่า ทำแบบเจาะจง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น