ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติพิจารณาและอนุมัติมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งมีมาตรการให้ความช่วยเหลือระยะเร่งด่วนกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย กทม. ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา
โดยรูปแบบการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคม เช่น กลุ่มแรงงานตามมาตรา 33 จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม 2,500 บาทต่อคน จำนวน 1 เดือน โดยเป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติม อีกทั้งมาตรการช่วยเหลือจ่ายค่าแรงร้อยละ 50 ของค่าจ้าง สูงสุดไม่เกิน 7,500 บาท รวมไม่เกินคนละ 10,000 บาท
ส่วนผู้ประกอบการหรือนายจ้างตามหลักการให้ความช่วยเหลือ จะได้รับความช่วยเหลือตามจำนวนลูกจ่างสูงสุดไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคน จำนวน 1 เดือน
ขณะที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 สัญชาติไทย ที่ยังคงประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน จะได้รับความช่วยเหลือ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน เช่นเดียวกับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ที่ยังประกอบอาชีพอยู่ในปัจจุบัน ให้เตรียมหลักฐาน เพื่อลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 กับสำนักงานประกันสังคมภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อรับความช่วยเหลือ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือนด้วย
สำหรับการช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคมและนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาด ให้เพิ่มจากเดิม 4 สาขาอาชีพ เป็น 9 สาขาอาชีพ โดยสาขาที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ 5 สาขา ได้แก่
1.สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
2.สาขาการขายส่งและการขายปลีก
3.สาขาการซ่อมยานยนต์
4.สาขากิจกรรมการบริหารและสนับสนุนวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมวิชาการ
5.สาขาข้อมูลข่าวสารและการศึกษา
ส่วน 4 สาขาอาชีพเดิมก่อนหน้านี้คือ กิจการก่อสร้าง กิจการที่พักแรมและบริการด้านอาหาร กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันนาการ และกิจกรรมบริการด้านอื่นๆ