วันที่ 10 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 15 ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่าก่อนหน้านี้ตนเองไปอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาประมาณ 25 ปี เป็นครูสอนทำอาหารไทยในต่างประเทศ และได้กลับมาอยู่ประเทศไทยได้เกือบ 14 แล้ว สาเหตุที่กลับมาอยู่ประเทศไทย เพราะรู้สึกอยากกลับมาทำสวน เนื่องจากที่ทางที่พ่อแม่สร้างไว้ก็มีอยู่หลายร้อยไร่ พ่อแม่อายุมากขึ้นทุกวัน ตนเองจึงอยากกลับมาดูแลพ่อแม่และมาดูธุรกิจที่บ้าน นางเสาวนีย์ กล่าวว่า พื้นที่สวนส่วนใหญ่จะปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกยางพารา และมีพื้นที่บางส่วนประมาณ 20 ไร่ ที่มีการล้มปาล์มน้ำมันเนื่องจากอายุปาล์มหลายสิบปี ต้นสูงใหญ่ ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ และให้ผลผลิตที่น้อย จึงตัดสินใจเลือกพื้นที่ตรงนี้ในการปลูก อินทผลัม ประมาณ 300 ต้น ใช้ชื่อว่าสวนอินทผลัม สวนรัตนะ 5 ชุมพร มีหลายๆคนถามว่าทำไมถึงเลือกที่จะปลูกอินทผลัม แทนที่จะปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างทุเรียน หรือพืชอื่นๆที่คนกำลังนิยมปลูก นางเสาวนีย์ เล่าว่า ตนเองเป็นคนที่ชอบปาล์มน้ำมัน เพราะโตมากับปาล์ม ชอบต้น ชอบใบ แต่ไม่มีความรู้ในเรื่องของปาล์มน้ำมัน ชอบพืชผลที่มีลักษณะคล้ายต้นปาล์ม ไม่ว่าจะเป็น ต้นมะพร้าว ต้นหมาก ซึ่งพืชเหล่านี้ ในสวนก็ปลูกไว้เกือบหมดแล้ว ตนเองจึงได้เริ่มศึกษาในเรื่องของอินทผลัม เพราะมีลักษณะคล้ายต้นปาล์มและมองว่าอินทผลัมเป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวที่มีความน่าสนใจ โดยร่วมลงทุนกับเพื่อนในการปลูกอินทผลัม เงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายอินทผลัมนั้น หากแบ่งผลกำไร หักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็จะได้ตั้งเป็นกองทุนเพื่อนำไปใช้ในการทำประโยชน์ โดยที่ตนเองเป็นคนดูแล บริหารจัดการในการเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่าพุทธวจน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เอาเงินจากที่ขายปาล์มได้ ออกไปเผยแพร่คำสอนให้กับนักเรียนตามโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รู้ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยในแปลงจะอินทผลัมแห่งนี้ จะมีอินทผลัมประมาณ 5 สายพันธุ์ ในสวนจะต้องมี อินทผลัมตัวผู้และอินทผลัมตัวเมีย เพื่อไว้ในการผสมเกสร และอินทผลัมก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ คืออินทผลัมที่สามารถทานผลสด และทานแบบแห้ง โดยอินทผลัมที่ทานผลสดนั้น เมื่อครบอายุในการเก็บเกี่ยว ผลก็จะมีสีเหลืองนวล ก็จะสามารถเก็บมาทานได้ และในส่วนของอินทผลัมที่ทานแบบแห้งนั้นก็จะต้องรอให้ผลแห้งก็สามารถตัดมาจำหน่ายได้ ซึ่งผลของอินทผลัมนั้นทั้งที่แบบทานแห้งก็สามารถนำผลสดมาทานได้ เพียงอาจจะมีรสฝาดติดมาบ้าง
นางเสาวนีย์ กล่าวต่อว่า การปลูกอินทผลัมนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด ตนเองไม่มีความรู้ในเรื่องการทำสวน การปลูกอินทผลัม แต่อาศัยการถาม การศึกษา และดูข้อมูลจากยูทูป เพราะการปลูกอินทผลัมนั้นไม่ได้มีการทำเป็นเอกสารข้อมูลหรือรูปเล่มอย่างชัดเจน การปลูกอินทผลัมเริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ 3 ปี โดยเมื่อปีที่แล้วนั้นก็ให้ผลผลิตแต่ไม่ได้เท่าที่ควรเพราะเป็นการให้ผลผลิตปีแรก ปีนี้เป็นปีที่ 4 เริ่มให้ผลผลิตที่มากขึ้น เรียกได้ว่าเกือบทุกต้น และแต่ละต้นจะให้ผลผลิต ประมาณ 4-9 ช่อ ซึ่งวิธีการดูแลของสวนอินทผลัมแห่งนี้จะใช้การดูแลแบบปลอดสาร ไม่ใช้สารเคมีจะใช้อินทรีทั้งหมด อินทผลัมจะชอบปุ๋ยอินทรี ไม่ชอบปุ๋ยเคมี เพราะเคยใช้ปุ๋ยเคมีแล้วไม่ออกออก ในสวนจะไม่มีการฉีดยาฆ่าแมลง เราจะคำนึงถึงคนที่ซื้อผลผลิตของเราไปทาน ในทุกๆวันจะมีการเดินดูว่ามีด้วงมาเจาะต้นหรือเปล่า และจะมีการเปิดถุงที่คลุมช่ออินทผลัมไว้เพื่อเอาลูกที่ร่วงออก เพราะหากเก็บไว้จะทำให้เกิดเชื้อราได้ และทำการดูหนอนในช่อไม่ให้หนอนเข้าไปกัดกินอินทผลัม ร่วมไปถึงฉีดน้ำทำความสะอาด และใช้แปรงปัดทำความสะอาดลูกให้สะอาด เพราะอินทผลัมที่ทานแห้งนั้น ลูกค้าที่ซื้อไปรับประทานจะไม่สามารถนำอินทผลัมไปล้างทำความสะอาดได้ เราจึงต้องใส่ใจในทุกๆขั้นตอน สวนอินทผลัม แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นสวนอินทผลัมที่ใหญ่ที่สุดในชุมพรก็ว่าได้ ซึ่งผลผลิตของปีนี้จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ สิ้นเดือนกรกฎาคม หากใครสนใจ อยากจะลองทานผลของอินทผลัมที่มีให้เลือกทานทั้งแบบทานสดและแบบแห้ง สามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งจองมาได้ที่เบอร์ 096-9248085 คุณแป้ด หรือที่เฟสบุ๊ค อินทผลัม สวนรัตนะ 5 ชุมพร ราคาอินทผลัมแบบแห้ง ราคา 400-500 บาท ผลสดราคา 500 บาท สวนอินทผลัมที่มีคุณภาพและใส่ในทุกๆขั้นตอนตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวต้องสวน อินทผลัม สวนรัตนะ 5 ชุมพร ซื้อไปแล้วนอกจากได้ทานอินทผลัมอินทรีย์สดๆจากต้นแล้ว ส่วนหนึ่งยังได้ร่วมเป็นสะพานบุญเพื่อเผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า พุทธวจน ให้กับนักเรียนตามโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รู้ถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกด้วย
ทีมข่าวภูมิภาค จ.ชุมพร