วันที่ 9 ก.ค. – ที่รัฐสภา น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 กล่าววถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่า ขณะนี้กมธ.ได้ดำเนินการพิจารณาไปแล้วเป็นเวลา 17 วัน พิจารณาไปแล้ว 5 กระทรวง 3 กองทุน ได้แก่กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คิดเป็น 19.7 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินงบประมาณ
ส่วนวันนี้เป็นการพิจารณากระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรรม ยืนยันว่ากมธ.ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นและมีการสอบถามผู้ที่เข้ามาชี้แจงอย่างหลากหลาย ทั้งนี้ทางกมธ.ได้พยายามให้ประธานสภาฯ กำชับส.ส.เข้าร่วมประชุมกมธ.งบฯอย่างพร้อมเพรียง เพราะการพิจารณาบางครั้งต้องใช้การลงมติเป็นองค์ประชุม เพื่อให้งานเดินหน้าต่อไปได้ หากส.ส. ไม่เข้าร่วมประชุมก็จะทำให้การทำงานสะดุด
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 กล่าวว่า บรรยากาศการประชุมอนุกรรมาธิการฯ หลายคณะ ตนเคยย้ำไปแล้วว่าก่อนมารัฐสภา ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงต้องถอดชฎามาก่อน แต่ปรากฏว่าหลายคนนอกจากไม่ถอดชฎาแล้ว ยังสักลายทั้งตัว ทำตัวเหมือนนักเลง เช่น ในการประชุมคณะอนุกรรมธิการ การฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ฯ มีอธิบดีคนหนึ่งมาชี้แจง โดยคณะอนุกรรมาธิการฯเสนอตัดงบประมาณเพียงแค่ 1 ล้านบาท แต่อธิบดีคนนั้นก็โวยวาย และขู่อาฆาตว่า ใครตัดงบประมาณจะจำไปจนวันตาย ทั้งที่รัฐสภาเป็นที่ใช้เงินภาษีของประชาชน และการตัดลดงบประมาณเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะหลายหน่วยงานทำงบประมาณแบบใช้ไม่ได้ ตัวเลขผิดบ้าง มั่วบ้าง มีอยู่ทั้งในงบกลาง งบหลัก และซ่อนในงบเล็ก ดังนั้นขอเตือนว่าที่นี่ไม่มีใครกลัวใคร กลัวอย่าเดียวคือความถูกต้อง
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้ดูในช่วงบ่ายวันนี้ว่าประธานกมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่ ว่าจะมีความเห็นอย่างไร หลังจากที่รัฐบาลประกาศคล้ายกับการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง โดยเฉพาะเรื่องการออกนอกเคหะสถานโดยไม่จำเป็น ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานกมธ.งบประมาณฯ ว่าจะสั่งงดการประชุมหรือไม่ แต่ถ้ามีการสั่งงดเป็นเวลา 14 วัน จะต้องมีการเลื่อนระยะเวลาการในการพิจารณารายมาตรา วาระ 2 เข้าสู่รัฐสภา
“ผมคิดว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังเมาหมัด การที่ให้ศบค.ประกาศเช่นนี้ ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนตอนนี้ เพราะเดี๋ยวนี้ 3 ทุ่มก็ไม่มีใครออกนอกบ้าน ดังนั้นการประกาศห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ผมคิดว่าเสียเวลาออกประกาศ ผมได้ยินมาหลายครั้งว่า เจ็บแต่จบ แต่นี่เจ็บแล้วยังไม่จบ แต่ที่จบก็คือชีวิตของประชาชน และเชื่อว่าการออกประกาศฉบับนี้จะเป็นเรื่องที่น่ากังวลต่อไป” นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือนนั้น ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนได้รับคลิปข่าวว่า นายกฯและคณะรัฐมนตรีประเทศอื่นไม่รับเงินเดือน ถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่งนึกได้หรืออย่างไร และเงินเดือนนายกฯแสนกว่าบาท การไม่รับเงินเดือน 3 เดือน คิดเป็น 3 แสนกว่าบาทนั้น ตนคิดว่าไม่ใช่ทางออกในการแก้ไขปัญหาประชาชน แต่ควรไปรีดไขมันกับงบประมาณแผ่นดินที่ใช้จ่ายกันอย่างสุรุ่ยสุร่ายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และควรหาวิธีคิดในการแก้ไขปัญหาด้านการจัดหาวัคซีน อาจเป็นเจตนาดี แต่วิธีที่ประชาชนต้องการคือมันสมองและปัญญาแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ฉุกเฉินในขณะนี้