วันที่ 3 ก.ค. – นายอนุชา บูรพชัยศรีโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านทางพอดแคสต์รัฐบาลเล่าเรื่องว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ความมั่นใจว่าการเปิดเมืองภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต่างชาติให้ความสนใจเดินมาท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยจังหวัดภูเก็ตถือเป็นพื้นที่แรกในการนำร่องในพื้นที่ภาคใต้จากนั้นก็จะมีการเปิดเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีในระยะต่อไป นอกจากนี้รัฐบาลยังเล็งเห็นถึงศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ด้วย คาดหวังให้เป็นไปตามนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วัน โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกภาคส่วนราชการสนับสนุนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ให้เป็นวาระแห่งชาติในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งการท่องเที่ยวนั้นจะเน้นสร้างความปลอดภัยควบคู่กับการควบคุมการระบาดของโรคที่สำคัญเป็นการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้เติบโตและเป็นการท่องเที่ยววิถีใหม่หรือการท่องเที่ยวแบบนิวนอร์มอล และยั่งยืน
ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้รายงานว่า มีการจองห้องพักตั้งแต่วันที่ 1 – 15 กรกฎาคม มีมากถึง 13,116 คืนหรือเฉลี่ยการเข้าพักอยู่ที่ 11.9 คืนต่อที่พักยังรวมไปถึงมีการเปิดเที่ยวบินใหม่เข้าประเทศไทยโดยตรง ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็มีการประมาณการว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติภายใต้โครงการภูเก็ตแซนบ็อกซ์ จะเดินทางมาในไตรมาสที่ 3 คือตั้งแต่เดือนนี้ถึงเดือนกันยายนมีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 100,000 คน สร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 8,900 ล้านบาท พร้อมกันนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็มีการคาดการณ์การเดินทางของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 ว่า จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยถึง 548,600 คนครั้ง สร้างรายได้ถึงประมาณ 5,510 ล้านบาท และจะมีการยกระดับการท่องเที่ยวเพื่อเป็นการท่องเที่ยวแบบยังยืนด้วย
ทั้งนี้การควบคุมการระบาดของเชื้อโควิด ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดก็จะเดินหน้าฉีดวัคซีนเพิ่มเติมให้กับประชาชนให้ครอบคลุมชาวภูเก็ตมากที่สุด โดยเฉพาะในเดือน ก.ค.นี้ ก็จะให้เป็นไปตามเป้าคือร้อยละ 70 ของประชาชนในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ศบค. ก็พร้อมที่จะชะลอหรือยกเลิกโครงการหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงยกตัวอย่างเช่นถ้ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 15 คนต่อ 100,000 ประชากรหรือประมาณ 90 คนต่อสัปดาห์ หรือมีการกระจายใน 3 อำเภอของจังหวัด หรือมีการระบาดกว่า 3 คัตเตอร์ และระบาดวงกว้างโดยหาสาเหตุไม่ได้ก็ต้องมีการชะลอหรือยกเลิกโครงการ
โฆษกรัฐบาลยังให้ความยืนยันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตจะต้องเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลาง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีลิสต์รายชื่ออยู่แล้ว ทั้งนี้การเข้ามาในประเทศไทยยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะการรับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 มีกรมธรรม์ประกันภัยวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ มีการตรวจโควิดใน 3 ระยะ และปฏิบัติตามขั้นตอนการท่องเที่ยวในพื้นที่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวจะต้องมีแอปพริเคชัน ไทยแลนด์พลัสและหมอชนะ เช่นเดียวกับคนไทยที่จะเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตก็จะต้องได้รับวัคซีนสองเข็ม หรือรับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจำนวนหนึ่งเข็ม /มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย7 วัน เป็นต้นสามารถอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ไม่ต้องถึง 14 วัน
โฆษกรัฐบาล ยืนยัน เดินหน้าฉีดวัคซีน 10 ล้านโดสในเดือนกรกฎาคมให้กับประชาชนที่ทำการจองวัคซีน โควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค ขณะเดียวกันจัดสรรวัคซีนให้กรุงเทพมหานครฉีดกับประชาชนในพื้นที่และต่างจังหวัดด้วย