วันนี้(2 กรกฎาคม 2564) นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ล่าสุดผมได้รับหนังสือ จากสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญผมและผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เรื่องการประมูลรถไฟทางคู่ โดยมีสาระสำคัญของหนังสือคือ
นายกรัฐมนตรีมีคำสั่ง ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2564 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการประมูลการก่อสร้าง รถไฟทางคู่ทั้งสายเหนือและสายอีสาน เนื่องจากการประมูล เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนและสังคมให้ความสนใจ ประกอบกับมีการร้องเรียน ให้มีการทบทวนและตรวจสอบ การประกวดราคาดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความโปร่งใส
คณะกรรมการจึงได้เชิญผม ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคุณสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานการรถไฟฯ ในวันที่ 5 ก.ค. 2564 เวลา 9.30 น.ห้อง 109 ชั้น 1 อาคารปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
ผมต้องขอขอบคุณท่านนายกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รับฟังการท้วงติงจากพวกเรา และช่วยกันป้องกันการทุจริตครับ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายแพทย์วรงค์ และตัวแทนสหภาพแรงงานการรถไฟ ได้ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ทบทวนการประมูลโครงการรถไฟ สายเหนือ-อีสาน พร้อมตรวจสอบความไม่โปร่งใส ที่อาจเกิดขึ้น และเสนอแก้ไขข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง(TOR) ให้เป็นแบบการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ ที่เปิดโอกาสให้รายกลาง ที่มีศักยภาพ สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยกับทีมข่าว TOPNEWS ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ สายเหนือ และสายอีสานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
“ท่านนายกฯตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เข้าใจว่า เป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค(ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี), ท่านปลัดกระทรวงฯ, ตัวแทนสำนักงบประมาณ , ตัวแทนกรมบัญชีกลาง เข้ามาดูเรื่องนี้ว่าการดำเนินการถูกระเบียบกฏหมายหรือไม่” รมว.คมนาคม กล่าว
จากกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของโครงการรถไฟทางคู่ ว่ามีโอกาสที่จะล้มประมูลเหมือนเช่นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องนี้คงไม่ไปถึงขั้นตอนของการล้มประมูลเช่นเดียวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เพราะจากที่ดู ทุกอย่างได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง แต่อาจจะเป็นในเรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ซึ่งบางท่านมองว่าราคาการประมูลน่าจะต่ำกว่านี้ ซึ่งต้องบอกว่าอยู่ที่ผู้เข้าประมูล ไม่เกี่ยวกับหน่วยงานของรัฐ เพราะหน่วยงานของรัฐดูแค่ราคากลางเท่านั้น และการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่