วันที่ 23 มิถุนายน – ที่รัฐสภา นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว พร้อมด้วย นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงการส่งหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ทบทวนการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สาเหตุที่ทำหนังสือให้แประธานสภาทบทวน เพราะฝ่ายกฎหมายของประธานรัฐสภาได้มีคำวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ใช่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จึงไม่สามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระได้ โดยใช้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้างว่าต้องไปจัดทำประชามติก่อน ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่าร่างที่เรายื่นไปเป็นร่างแก้ไขเพิ่มเติม แม้จะเพิ่มหมวด 15/1 แต่ก็เป็นเพียงวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ร่างที่จะไปยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2560 แต่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อรองรับอำนาจของประชาชนหลังการทำประชามติ ให้สามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 เลย แม้จะทำประชามติไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า เหตุผลต่อมา ตนอยากให้ประธานรัฐสภาทบทวนบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระ เพราะอยากให้รัฐสภาเป็นผู้พิจารณาร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สมาชิกส่วนหนึ่งอาจจะลุกขึ้นมาชี้แจง แสดงเหตุผลว่าจากคำวินฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องไปทำประชามติก่อน ถ้าเสียงส่วนมากของสมาชิกรัฐสภาเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นมติผูกพันว่ารัฐสภาสามารถใช้ร่างนี้เป็นสารตั้งต้นที่จะเริ่มสู่การทำประชามติได้ตามกฎหมายประชามติ เพราะการที่สภามีมติว่าจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อส่งให้ ครม. พิจารณาทำประชามติ เพราะในกฎหมายประชามติไม่ได้มีการเขียนไว้ให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้น หากที่ประชุม ส.ส.เห็นว่าควรแก้ แต่ส.ว.ไม่เห็นด้วย ญัตตินั้นก็จะตกไปทันที
นพ.ชลน่านกล่าวอต่อว่า นอกจากนี้ เห็นว่าการทำประชามติ หากตีความอย่างเคร่งครัดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องทำอย่างน้อย 3 ครั้ง ซึ่งเป็นการเสียงบประมาณโดยใช่เหตุ เราเห็นว่าสามารถรวบขั้นตอนที่ 1 และขั้นตอนที่ 2 เข้าด้วยกันได้ หากรัฐสภาเห็นชอบ
ทางด้านนายสมคิด กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ยืนยันพร้อมเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และเพื่อการบริหารประเทศให้คล่องตัวขึ้น เพราะประชาชนรู้อยู่แล้วว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นจุดอ่อนในการบริหารประเทศ แต่การเดินหน้าแก้ไขแต่ละเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ไม่เหมือนการยึดอำนาจ หากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 ประเทศก็จะวนอยู่เช่นนี้ บางคนอาจสงสัยว่า พรรคเพื่อไทยยื่นไปแล้ว เหตุใดจึงยื่นแก้แบบเดิม ก็เพราะแบบเดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข ขอฝากไปยังทีมกฎหมายของประธานสภาว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้รัฐสภาเป็นที่ตัดสินว่าเรามองคนละมุม อ่านกฎหมายคนละด้าน อ่านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคนละมุม ซึ่งมุมที่ดีที่สุดคือเดินเข้าสู่สภา บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้ตัดสิน
