ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ เวลา 11.20 น. ในการประชุมรัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจำนวน 4 ร่างว่า ตนขอเป็นตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน เสนอหลักการ และสาระสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เริ่มจากร่างที่ 1 แก้ไขเพิ่มเติม หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย โดยเพิ่มความเป็นวรรค 5 ของมาตรา 25 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 29 เพิ่มสิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมเป็นมาตรา 29 / 1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 34 มาตรา 45 และมาตรา 47 เพิ่มสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญเป็นมาตรา 49 / 1 และเพิ่มอำนาจของคณะกรรมาธิการที่จะเรียกเอกสารหรือเรียกบุคคลมาแถลงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129
ร่างที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติมระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 มาตรา 85 มาตรา 91 และมาตรา 92 และยกเลิกมาตรา 93 และมาตรา 94 ร่างที่ 3 (1) แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 159 เกี่ยวกับที่มาของนายกรัฐมนตรี และ (2) ยกเลิกมาตรา 272 ที่ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี และร่างที่ 4 แก้ไขเพิ่มเติม (1) หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ โดยยกเลิกมาตรา 65 เกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ (2) แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 152 และมาตรา 162 โดยตัดคำว่ายุทธศาสตร์ชาติออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับการยกเลิกมาตรา 65 (3) ยกเลิกมาตรา 270 มาตรา 271 และมาตรา 275 เพื่อให้สอดคล้องกับการยกเลิกมาตรา 65 และเป็นการยกเลิกอำนาจของวุฒิสภาบางเรื่อง และ (4) ยกเลิกมาตรา 279
“การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับข้างต้นนั้น สืบเนื่องจากการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และการเพิ่มหมวด 15/1 ไม่ได้รับการบรรจุ จนทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะฝ่ายกฎหมายรัฐสภาอ้างว่าติดขัดข้อกฎหมาย ดังนั้นเพื่อหาทางให้ประเทศแม้จะมีเพียงบางส่วน ก็จำเป็นต้องทำ ผมจึงหวังว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 4 ฉบับจะได้รับการเห็นชอบจากที่ประชุมของรัฐสภาต่อไป” นายสมพงษ์ กล่าว
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมพรรคภูมิใจไทยว่า ร่างแรกของพรรคคือเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยเพิ่มเติมหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ คือเพิ่มความในมาตรา 55/1 ที่ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพตามที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีรัฐธรรมนูญที่กินได้เลย ทั้งที่สิทธิบางประการเป็นหน้าที่ของรัฐควรดำเนินการให้เกิดขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงตอนนี้ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษมีจำนวนมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐต้องทำให้ประชาชนมีรายได้พื้นฐาน โดยกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐตามหมวด 5 จึงขอแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้มาตรา 55 ให้รัฐต้องจัดให้ประชาชนได้รับรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างทั่วถึง โดยประชาชนไม่ต้องเรียกร้อง สาระในหมวดนี้รัฐต้องทำให้กับทุกคน เช่น การศึกษาภาคบังคับโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การบริการสาธารณสุขหรือหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติ ทั้งนี้ธนาคารโลกประเมินว่าในปี 2561 คนไทยประมาณ 6.7 ล้านคนหรือ 10% ของจำนวนประชากรมีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนคือ 2,763 บาทต่อคนต่อปี ที่ผ่านมารัฐยังไม่มีการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม เพราะการกู้มาแล้วไปแจกไม่มีความมั่นคงและยั่งยืน อย่างโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเห็นว่าการแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างแท้จริงคือการเสนอมาตรา 55/1 โดยค่อย ๆ ทำและค่อย ๆ ไปแบบเป็นระบบ เพื่อก้าวข้ามความยากจน
นายศุภชัย กล่าวว่า ส่วนร่างที่สองคือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติที่มีความจำเป็นต้องมี แต่ของประเทศไทยที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและออกกฎหมายกำหนดว่าต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พรรคภูมิใจไทยเห็นว่าไม่เหมาะสม จึงเห็นสมควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 65 เพราะเป็นการเหนี่ยวรั้งการพัฒนา โดยกำหนดให้เรื่องยุทธศาสตร์ศาสตร์สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติมได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้ ส่วนร่างสุดท้ายคือได้เสนอเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ คือประเด็นการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 159 ที่มาของนายกรัฐมนตรี และยกเลิกมาตรา 272 อำนาจส.ว.เลือกนายกฯ นั้น เรามีความเห็นว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ หรือผู้ที่เลือกไม่มีความเชื่อมโยงกับอำนาจของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสิ่งที่เราเสนอเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ไม่ใช่ทำเพื่อนักการเมืองหรือพรรคการเมือง