No data was found

หมอวรงค์ แฉยิบเบื้องลึกส่อฮั้วประมูลรถไฟทางคู่เหนือ-อีสาน

กดติดตาม TOP NEWS

นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม แฉยิบเบื้องลึกส่อฮั้วประมูลรถไฟทางคู่เหนือ-อีสาน ร้องนายกฯ สั่งเบรก ให้แก้ทีโออาร์ใหม่ ก่อนมีการลงนามสัญญา เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน  จี้ “ศักดิ์สยาม” ทำทุกอย่างให้โปร่งใส

วันนี้(20 มิถุนายน 2564) นายแพทย์วรงค์  เดชกิจวิกรม  รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี  ไลฟ์ผ่านเพจ Warong Dechgitvigrom ถึง  “เบื้องลึกเบื้องหลัง ที่มาการส่อฮั้วประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน กับการต้องเสียงบประมาณถึง 7,000 ล้านบาท สิ่งที่นายศักดิ์สยามต้องตอบ และพลเอกประยุทธ์ต้องตัดสินใจ”

 

สำหรับโครงการประมูล รถไฟทางคู่สายเหนือและอีสาน โดยสายเหนือมี 3 สัญญา และสายอีสาน 2 สัญญา ซึ่งแต่ละสัญญานั้น ได้รวมงานก่อสร้างรางรถไฟ และรวมระบบอาณัติสัญญาณเข้าด้วยกัน

นายแพทย์วรงค์ เปิดเผยว่า ผลการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน มี 5 สัญญา 5 บริษัท เฉพาะขนาดใหญ่ วงเงิน 1.28 แสนล้านบาท ลดแค่ 106 ล้านบาท คิดเป็น 0.08%  เมื่อเทียกับรถไฟทางคู่สายใต้ วงเงิน 3.61 หมื่นล้านบาท ที่เปิดกว้างการแข่งขัน ทั้งขนาดกลางและใหญ่ ประหยัดไป 2,039 ล้านบาท คิดเป็น 5.66%

ในสมัย คสช. เมื่อเดือนก.พ.2560 ได้มีคำสั่งตั้งซูเปอร์บอร์ด(คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐ) เพื่อดูแลโครงการที่มากกว่า 5 พันล้านบาท รวมทั้งรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง

จากนั้นวันที่ 31 กรกฎาคม 2561  คณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้อนุมัติรถไฟทางคู่สายเหนือ และ 28 พฤษภาคม 2562 ครม.ได้อนุมัติรถไฟทางคู่สายอีสาน

ผ่านมาประมาณ 3 เดือน หลังจากที่ครม.อนุมัติรถไฟทางคู่สายเหนือ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้มีหนังสือถึงซูเปอร์บอร์ด เพื่อเสนอแนวทางแบ่งสัญญาทางคู่สายเหนือ โดยเน้นการเปิดกว้างให้ทั้งบริษัทแขนาดใหญ่และขนาดกลางมีการแข่งขันได้   ส่งผลให้มีการแบ่งสัญญารถไฟทางคู่สายเหนือ เป็น 7 สัญญา แบ่งเป็น งานก่อสร้างราง 6 สัญญา และอาณัติ สัญญาณ 1 สัญญา

ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ซูเปอร์บอร์ดได้มีหนังสือเห็นชอบการแบ่งสัญญาถึงรฟท. และยังกำชับด้วยว่า ควรทำให้เร็วขึ้น จากเดิมกำหนด 75 เดือน แต่ยังไม่ได้รายงานครม. เพื่อทราบ

นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า กุมภาพันธ์ 2562 สำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง  ผมถือว่าช่วงนั้นเอง ครม.ก็ไม่ควรปฏิบัติหน้าที่ในโครงการขนาดใหญ่ จึงทำให้ซูเปอร์บอร์ด เห็นชอบกับการรถไฟฯ แบ่งสัญญารถไฟทางคู่สายเหนือ เป็น 7 สัญญา แต่บังเอิญว่ายังไม่ได้รายงานครม.เพื่อทราบ

24 มีนาคม  2562  มีการเลือกตั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 5 มิถุนายน 2562   พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี  และพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ในช่วงรอยต่อ หัวหน้าคสช. มีคำสั่งลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 มีผลให้ซูเปอร์บอร์ด สิ้นสุดลง

และวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 มีการโปรดเกล้าฯ ครม.ประยุทธ์ 1 โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม  จากนี้ไปภาระหน้าที่ในโครงการถไฟทางคู่ ก็จะ under นายศักดิ์สยาม  ในฐานะรมว.คมนาคม

การเปลี่ยนแปลงกำลังเริ่มเกิดขึ้น ในเดือนกันยายน 2562 บอร์ดรฟท.ชุดเก่าลาออกทั้งหมด และ 15 ตุลาคม 2562 มีการแต่งตั้งประธานและบอร์ดรฟท.ชุดใหม่

หลังจากที่บอร์ดรฟท. ได้เข้ามาทำหน้าที่ ในวันที่ 16 มีนาคม 2563 รฟท.ได้จ้างที่ปรึกษาจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา และการประกวดราคาก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือ และให้ทบทวนการแบ่งสัญญา เพื่อเสนอบอร์ดรฟท. โดยอ้างว่า ซูเปอร์บอร์ดสิ้นสุดแล้ว 

ผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา บริษัทที่ปรึกษา ได้เสนอเงื่อนไขว่า โดยเปรียบเทียบกรณี 3 สัญญา กับกรณี 7 สัญญา ดังนี้

  1. ด้านบริหารสัญญา
  • กรณี 3 สัญญา สามารถบริหารโครงการได้ง่าย ไม่มีปัญหาข้อโต้แย้งระหว่างผู้รับเหมาแต่ละราย สามารถเร่งรัดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กรณี 7 สัญญา มีความเสี่ยงนการเกิดปัญหาข้อโต้แย้ง เนื่องจากมีการทำงานที่ซับซ้อน ไม่สามารถเร่งรัดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. ด้านงบประมาณ
  • กรณี 3 สัญญา ค่าดำเนินการไม่เพิ่ม สามารถใช้เครื่องมือ เครื่องจักรร่วมกันได้ , ไม่ต้องจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ(PMC)
  • กรณี 7 สัญญา ค่าดำเนินการเพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่สามารถใช้เครื่องมือเครื่องจักรร่วมกันได้ , ต้องจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ (PMC)  มาบริหาร เนื่องจากมีหลายสัญญา
  1. ด้านระยะเวลา
  • กรณี 3 สัญญา สามารถเปิดเดินรถได้ตามแผน เนื่องจากสามารถควบคุมการดำเนินงานภายใต้สัญญาเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กรณี 7 สัญญา ไม่สามารถเปิดการเดินรถได้ตามแผน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากการแยกสัญญางานระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานโยธา เช่น เกิดข้อพิพาท หรือข้อโต้แย้งจากการทำงานบนพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน

 

“ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ การกำหนดหัวข้อศึกษา เพื่อเสนอเงื่อนไขเปลี่ยนสัญญา เราต้องย้ำครับว่า เป้าหมายของอีอ็อคชั่น การกำหนดสัญญาเพื่ออะไร การกำหนดสัญญา การซอยสัญญาของอีอ็อคชั่นเป้าหมาย คือ เพื่อประหยัดงบประมาณของรัฐ เขากำลังจะเบี่ยงเบนประชาชน เบี่ยงเบนครม. และผมเชื่อว่า ครม.ก็หลงเคลิ้มไป  เพราะส่วนนี้ เป็นแค่ส่วนย่อยๆ ของสายเหนือ ที่เขามีสายอีสานรอรับไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะสายอีสานอยู่ในอำนาจของบอร์ดรถไฟชุดนี้เลย ภายใต้การแต่งตั้งของรัฐมนตรี และเขามีเป้าหมายเกี่ยวกับบริษัทใหญ่ๆ  5 บริษัทรองรับเรียบร้อยแล้ว เฉพาะตรงนี้มันก็เหมือนแค่ส่วนหนึ่งของช้าง ที่คุณไม่ได้เสนอช้างทั้งตัวเข้าสู่ครม. คุณเสนอแค่เฉพาะส่วนนี้เท่านั้นเอง  ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเป้าหมายของการประมูลแบบอีอ็อคชั่น ”

ต่อมาในเดือนเมษายน 2563 ได้มีการตั้งนายนิรุฒ มณีพันธ์ เป็นผู้ว่าการ รฟท.  และในเดือนพฤษภาคม 2563 บอร์ดรฟท. ได้มีการประชุมทบทวนแนวทางการแบ่งสัญญามาสรุปที่ แนวทาง 3  สัญญา และเสนอมาที่กระทรวงคมนาคม

นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า จาก 7 สัญญาที่ซูเปอร์บอร์ดทำไว้ เพื่อป้องกันการทุจริต อยู่ๆ มา 3 สัญญา โดยเอาเงื่อนไขที่มาเสนอ เป็นเงื่อนไขที่ไม่ได้เกี่ยวข้องที่จะทำให้โครงการโปร่งใส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณ แต่มีเป้าหมายเพื่อลดจาก 7 สัญญา เหลือ 3 สัญญา

13 กรกฎาคม 2563  กระทรวงคมนาคม เสนอครม.  ตามที่รฟท.เสนอ  และในวันที่ 14 สิงหาคม 2563 หนังสือเลขาธิการครม. ตอบกลับรมว.คมนาคม ว่าเห็นชอบในสิ่งที่คมนาคมขอมา

“ที่คุณศักดิ์สยาม บอกว่า โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 55 และอนุมัติงบประมาณปี 61  มีการแก้ไขปี 63 การแก้ไขเกิดจากฝีมือของท่าน ถามว่าทำไมเกิดจากฝีมือของนายศักดิ์สยาม เพราะนายศักดิ์สยาม เป็นผู้เสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีอะไรผิดพลาด มีอะไรที่ส่อทุจริต นายศักดิ์สยาม จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้” รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี   กล่าว

นายแพทย์วรงค์ กล่าวต่อว่า  แม้แต่สำนักงานงบประมาณก็เห็นพ้องในการที่จะลดจาก 7 สัญญา เหลือ 3 สัญญา โดยอ้างการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา รวมถึงเลขาธิการสภาพัฒน์ ก็เห็นพ้อง  เพราะเขาเห็นแค่บางส่วน

ทั้งนี้ ผลการที่ยอมให้ปรับสายเหนือจาก 7 สัญญา มาเป็น 3 สัญญา จึงไม่แปลกที่สายอีสานจะมาแค่ 2 สัญญา

โดยนายแพทย์วรงค์ ตั้งคำถามให้ประชาชนคิดเอาว่า สุดท้ายสายเหนือ-อีสาน มี 5 สัญญา มี 5 บริษัท ประมูลในเวลาใกล้เคียงกัน ลดจากราคากลาง 0.08% ใช้อีอ็อคชั่น จะฮั้วหรือไม่???

“ท่านไม่ต้องมาอ้างเรื่อง อีอ็อคชั่น เพราะอีอ็อคชั่นมันอยู่ต่างกรรมต่างวาระ ถ้าท่านเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันทั้งรายใหญ่ รายกลาง อย่างงี้พอไปได้ แต่ถ้า 1 สัญญา 5 บริษัทแข่ง อย่างนี้ไปได้ แต่ท่านกำหนดมาเบ็ดเสร็จเลย 5 สัญญา และ 5 บริษัท ไม่รู้จะว่ายังไง ยิ่งส่วนต่างราคา 0.08% คำถามถามว่า ท่านไม่เชื่อหรือว่า อันนี้ฮั้วหรือไม่ มองไม่ออกเหรอ ผมถึงบอกท่านนายกรัฐมนตรีครับ ท่านมองออกหรือไม่ นี่คือกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การฮั้วระดับประเทศ”  นายแพทย์วรงค์ กล่าว

จุดที่ต้องการจะชี้ให้เห็นภาพ จุดเปลี่ยนใหญ่ จึงอยู่ที่การจ้างบริษัทที่ปรึกษา มาเปลี่ยนจำนวนสัญญาจาก 7  สัญญา เป็น 3 สัญญา

นายแพทย์วรงค์  ระบุว่า  สิ่งที่นายศักดิ์สยาม จะต้องตอบ และนายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจ คือ

  1. ซูปเปอร์บอร์ด ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาทุจริต และเสนอแนวทางมาแล้ว ทำไมไม่ทำตาม
  2. บริษัทที่ปรึกษาเสนอผลมา น่าจะรู้ๆ กัน
  3. นายศักดิ์สยาม จะอ้างว่าไม่รู่ไม่ได้ เพราะเป็นผู้เสนอครม. ผ่านเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องตอบคำถามว่า ทำไมไม่ทำตามซูเปอร์บอร์ด
  4. ท่านนายกฯ เป็นผู้ตั้งซูเปอร์บอร์ด เพื่อปราบทุจริต โครงการขนาดใหญ่ ทำไมจึงยอมให้เปลี่ยน เพื่อเอื้อทุจริต

ทั้งนี้ อยากเรียกร้องท่านนายกรัฐมนตรี ท่านได้โปรดสั่งการ ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาในเดือนกรกฎาฯ สิงหาฯ ที่จะถึงนี้ สั่งการและเร่งดำเนินการให้เขาออก TOR ที่โปร่งใส เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน

นายแพทย์วรงค์ ย้ำด้วยว่า พวกเราในฐานะประชาชนคนไทย เราเชื่อมั่นว่า ระบบรางเป็นระบบที่ดีที่สุด ในการขนคน และขนสินค้า และสนับสนุนทุกรัฐบาลในการกระจายระบบรางให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั้งประเทศ  แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส

“เรียกร้องท่านนายกฯ ท่านตัดสินใจได้เลย รีบประกาศไปเลยว่า ให้ระงับยับยั้งและไปเขียน TOR ขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันเปิดกว้าง เพื่อประหยัดงบประมาณของแผ่นดิน  ในส่วนของคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ผมเชื่อว่าคำชี้แจงของท่าน ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมาก่อนหน้านั้น ฟังไม่ขึ้น ยังไงก็แล้วแต่ พยายามคิดทบทวนและตัดสินใจ ทำทุกอย่างให้มันโปร่งใส ก่อนที่มันจะสายเกินไป เพราะถ้าท่านยิ่งเดินหน้า ข้อมูลต่างๆ จะยิ่งไหลเข้ามา และสุดท้ายมันต้องจบที่ป.ป.ช.  ” นายแพทย์วรงค์ กล่าว 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมโยธาฯ" รุกมาตรการเด็ดขาด ยกเลิกสัญญาจ้าง งานก่อสร้างล่าช้า ประชาชนเดือดร้อน
“ศปปส.” ยื่นหนังสือถึง UN หยุดแทรกแซง ม.112 ลั่นกฎหมายไทย คนไทยจัดการกันเองได้
"ภูมิธรรม" มั่นใจดันผู้ประกอบการเพิ่มแต้มต่อการค้า เปิดประตูสู่เอเชียใต้ หลังดัน FTA ไทย – ศรีลังกา ผ่านสภาสำเร็จ
รถไฟฟ้ามหานคร สายสีเหลือง ปรับแผนการเดินรถจากเหตุขัดข้อง ตามมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมปรับลดค่าโดยสาร 20% จนกว่าจะเดินรถได้ตามปกติ
จีนใช้ ‘หุ่นยนต์สุนัข’ ตรวจสายเคเบิลในพื้นที่แคบ
“บิ๊กต่อ” ตั้งทนายฟ้องกลับ “ทนายตั้ม” หมิ่นประมาท ปมแฉเอี่ยวส่วยเว็บพนัน เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน
สหรัฐ สามปธน. เดโมแครตระดมทุนครั้งใหญ่ช่วยไบเดน
สุดอั้น จ่อปรับขึ้น "ดีเซล" ราคาหน้าปั๊มทะลุ 30 บาท มีผล 1เม.ย.67
นิรโทษกรรมเหมาเข่ง ดีลับยืมมือ "แดง" พิฆาต "ส้ม" ไม่จริง เหตุ "ก้าวไกล" เน่าในอยู่แล้ว
"รถไฟฟ้าสีเหลือง" ผดส.ทยอยใช้บริการปกติ ชื่นชมพนง.ดูแลดีช่วงขัดข้อง ฝากตรวจสอบอย่าเกิดซ้ำ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น