จากกรณีที่มีกลุ่มนักเรียนโรงเรียนตะห์ฟีซุลกรุอานที่อยู่ภายในศูนย์ดะฮ์วะห์แห่งประเทศไทย มัสยิดอิล-นูร (มัรกัสยะลา) หมู่ที่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด19 นอกจากนั้นยังพบว่ากลุ่มนักเรียนได้เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตนกระจายในพื้นที่ภาคใต้ และภาคกลางบางส่วน โดยได้ไปสัมผัสกับคนในครอบครัว และในชุมชน หมู่บ้าน จนทำให้พบการระบาดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะลุกลามไปเรื่อยๆ
โดยเมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.64) นายแพทย์สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ชุมชนศูนย์มัรกัสยะลา หรือ ศูนย์ดะวะห์ยะลา หมู่ที่ 3 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เป็นคลัสเตอร์ใหม่ที่สาธารณสุขยะลาได้เฝ้าติดตาม โดยขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันติดเชื้อแล้ว จำนวน 35 ราย อยู่ในอำเภอกรงปินัง 13 ราย, อำเภอกาบัง 5 ราย, อำเภอเบตง 1 ราย, อำเภอเมืองยะลา 15 ราย และอำเภอรามัน 1 ราย จากการสอบสวนโรคเบื้องต้น เป็นการสัมผัสในชุมชนจากการทำกิจกรรรมทางศาสนาร่วมกันในมัสยิด และเข้าไปยังโรงเรียนประจำที่สอนอัลกุรอ่าน ซึ่งอยู่ในศูนย์ดังกล่าว ขณะที่ทางสาธารณสุขได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้บริหารของโรงเรียนในการประสานติดต่อกับนักเรียนให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม คลัสเตอร์ดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อแล้ว 60 ราย เฉพาะ จ.ยะลา 35 ราย และมีการกระจายไปยังอีก 25 ราย ใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี 1 ราย, สงขลา 4 ราย, สตูล 3 ราย, สุราษฎร์ธานี 8 ราย, กระบี่ 9 ราย, จากเด็กนักเรียน 500 ราย ซึ่งเป็นอัตราการติดเชื้อที่ค่อนข้างสูงมากตอนนี้
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา ยังกล่าวอีกว่า กรณีข่าวว่ามีเด็กนักเรียนหนีออกจากโรงเรียน เนื่องจากมีการปล่อยข่าวว่าทางการจะเข้าไปปิดโรงเรียน เพื่อฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะยังไม่มีรายการว่าจะมีการเรื่องฉีดวัคซีนในกลุ่มดังกล่าว แต่การที่จะฉีดวัคซีนอะไรก็แล้วแต่จะต้องมาจากการยินยอมเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบังคับได้และผิดกฎหมายด้วยไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขเอง