เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรมต่างๆ ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ว่า ได้เชิญนายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต และรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มาให้การชี้แจงแทน โดยนายวิชาได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ประเด็นจริยธรรมในการเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรจะเป็นบุคคลที่มีความโปร่งใส เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลซึ่งตามหลักสากล เช่น ประเทศเยอรมัน ใช้จริยธรรมโดยมีความละอายแก่ใจและเกิดมโนสำนึกเอง ไม่ต้องกระบวนการตรวจสอบ แต่ของประเทศไทยมีการตรวจสอบอย่างหลากหลายทั้งในสภาผู้แทนราษฎร ในกระบวนการกมธ.หรืออื่นๆ เราจึงต้องถือเรื่องนี้ฝากบอกไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งที่มีข้อสงสัยในจริยธรรมให้พิจารณาตนเองด้วย และฝากบอกถึงนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสำคัญควรคำนึงถึงจริยธรรมจำเป็นด้วยหรือที่ต้องให้กมธ.มาตรวจสอบแล้วถึงจะปลด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ควรตรวจสอบและจัดการเอง แต่กลับนิ่งเฉยแม้จะมีข้อมูล
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นในส่วนของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อปี 2525 ในการหารือผู้ต้องห้ามไม่ให้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตามมาตรา 96 อนุ 5 ซึ่งเป็นเรื่องของคำพิพากษาของศาลต่างประเทศจะมาใช้ในประเทศไทยได้หรือไม่ ในเรื่องยาเสพติดกรณีการสมัครเลือกตั้งส.ส. กฤษฎีกามีความเห็นว่าไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ตามรัฐธรรมนูญ 2521 ส่วนเรื่องของการขอรับเครื่องราชฯ เป็นระเบียบภายในกรณีไม่ฟังคำพิพากษาต่างประเทศ อีกเรื่องคือเรามีอนุสัญญาฯ ระหว่างประเทศมากมาย ซึ่งกรณีการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองเราไม่ได้ยอมรับในคำบังคับหรือคำบังคับคดีของศาลต่างประเทศ แต่ยอมรับแค่ข้อเท็จจริงมาประกอบว่าคนที่เคยต้องคำพิพากษาให้ต้องโทษจำคุกคดียาเสพติดหรือไม่ ยืนยันชัดเจนว่าเราไม่ได้อยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของศาลต่างประเทศ
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องกระบวนการตรวจสอบของศาลรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยที่ 6/2564 มีตอนหนึ่งระบุไว้ชัดว่าเพื่อประโยชน์ของการพิจารณา อาศัยอำนาจของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 27 วรรค 3 ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือเรียกสำเนาคำพิพากษาของศาลรัฐนิวเซาท์เวลล์และศาลอุทธรณ์รัฐนิวเซาท์เวลล์ และเอกสารสำคัญจากผู้ร้อง ผู้ถูกร้องและปลัดกระทรวงต่างประเทศเพื่อดำเนินการช่องทางการทูต แต่ปลัดกระทรวงต่างประเทศชี้แจงว่าสำเนาพิพากษาศาลแขวง รัฐนิวเซาท์เวลล์เป็นข้อมูลทางราชการไม่อยู่ในความครอบครองของกระทรวงต่างประเทศที่จะส่งให้กระทรวงต่างประเทศได้ ประเด็นสำคัญคือกระทรวงต่างประเทศได้ติดต่อทางการทูตหรือไม่ ปลัดกระทรวงต่างประเทศละเว้นหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่ หากทำทำแค่ไหนต้องหาข้อเท็จจริง
“ประเด็นต่อมาเมื่อกระทรวงต่างประเทศบอกว่าไม่ได้อยู่ในครอบครอง ศาลรัฐธรรมนูญก็ยุติเลย คำพิพากษาเป็นสิ่งสำคัญแต่ไม่นำมาพิจารณา ซึ่งเราพยายามจะตรวจสอบว่าศาลรัฐธรรมนูญได้มีการติดตามตามหน้าที่หรือไม่ เราไม่สรุปในตอนนี้ว่าใครถูกใครผิด แต่เราจะตั้งประเด็นและสอบไปเรื่อยๆและจะทำด้วยความซื่อตรงสุจริตเพื่อเป็นมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเป็นมาตรฐานในการคัดสรรคนเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชนและระดับสากล” นายธีรัจชัย กล่าว