วันที่ 17 มิ.ย. –คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า ทางออกของประเทศอย่างสันติ คือการยอมให้ประชาชนได้มีโอกาสร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนเอง โดยการเลือก ส.ส.ร. เพื่อหยุดยั้งกลไกลเผด็จการครองเมือง ในการรณรงค์เลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตนในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนว่าหลังเลือกตั้งตนและคณะจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่มี ส.ว.250 คน และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เป็นผลผลิตของเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพื่อครอบครองประเทศไทยไปอีกยาวนาน บนความทุกข์ยากของประชาชน
และได้บอกกับประชาชนในทุกเวทีปราศรัยเกือบ 200 เวทีทั่วประเทศว่า จะต้องเอาอำนาจกลับคืนมาเป็นของประชาชนให้ได้ นี่คือสัญญาประชาคม ที่จะต้องผลักดัน รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้ได้ หลังเลือกตั้งแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่สิ่งแรกที่ในขณะนั้นทำคือ การเสนอให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนด้วยการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสสร.และร่างของสสร.ต้องผ่านประชามติของประชาชน
มีอุปสรรคขวากหนามมากมาย แต่ในที่สุดเราก็สามารถผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญจนผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาในวาระที่ 1 และ 2 คงเหลือเพียงวาระที่ 3 ที่จะรับหรือไม่รับเท่านั้น แต่ก็น่าเสียดายที่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ จนมีคำวินิจฉัยว่าถ้าจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องไปถามประชาชนก่อน ตนจึงเสนอให้รอการลงมติวาระที่ 3 ไว้ก่อน แล้วไปทำประชามติถามประชาชนเสียก่อน แต่สมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็ดึงดันจะลงมติ
จนในที่สุดความหวังที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจึงสูญสลาย ฝ่ายเผด็จการไม่ยอมให้ประชาชนสร้างกติกาของประชาชนเอง และยิ่งกว่านั้น ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนบางส่วน กำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อเสริมอำนาจของตนเองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยแก้ไขระบบเลือกตั้ง รวมทั้งให้อำนาจส.ส. มายุ่งเกี่ยวกับงบประมาณได้ ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นการทำเพื่ออำนาจของนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่ใช่เพื่อประชาชน
ในฐานะประธานพรรคไทยสร้างไทย ยังคงยึดมั่นสัญญาประชาคมที่ได้เคยให้ไว้กับประชาชน จึงร้องเรียนไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้กลับมาร่วมกันผลักดันการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และต้องไม่ร่วมสังฆกรรมกับขบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองเท่านั้น รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน จึงเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจต่อประชาชนของแต่ละพรรคการเมือง