วันที่ 11 มิ.ย. -เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อร่วมบันทึกเทปกล่าวคำปราศัย เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกประจำปี 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายสมศักดิ์ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวถึงวันประชุมใหญ่พรรค ว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบ ขอตรวจสอบวันประชุมก่อน เคยเห็นแต่ข่าวที่ออกมา หากคิดในทางที่ดีก็เป็นเรื่องดีที่จะต้องมีการประชุมพรรค ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาว่าจะมีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่นั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบจึงไม่กล้าที่จะคิด รวมถึงเรื่องตำแหน่งเลขาธิการพรรคจะต้องอยู่กับกลุ่มสามมิตรหรือไม่ ก็ยังไม่ทราบ อยู่ที่ทุกคนที่จะพูดคุย
สำหรับกระแสข่าวที่ออกมาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเลขาธิการพรรคคนใหม่นั้น นายสมศักดิ์เห็นว่า มีคนพยายามที่จะปล่อยข่าว จะเป็นคนในพรรคหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ยอมรับอาจเป็นเพราะตนสนใจข่าวของพรรคน้อยไปหน่อย เพราะเร่งทำงานและมุ่งเน้นการทำงานที่ตนเองรับผิดชอบมากกว่า รวมทั้งเร่งผลักดันกฎหมายที่เป็นการช่วยผู้หญิง และเด็ก ให้เกิดความปลอดภัยจากกลุ่มอาชญากร 7 ประเภท หรือ JSOC
ดังนั้นเมื่อมัวมายุ่งกับเรื่องส่วนตัว เรื่องของพรรคอยากเป็นตำแหน่งนี้ตำแหน่งนั้นก็จะไม่ส่งผลดี แต่ควรสังวรณ์ไว้ว่าประชาชนกำลังมองอยู่ อย่าไปคิดว่าวันนี้เดินได้สบาย อยู่กับสิ่งที่มีอำนาจ แต่สิ่งที่ทำไว้วันนี้ จะส่งผลต่อวันเลือกตั้ง เพราะยังมีฝ่ายที่รอโจมตีอยู่ แค่บางภาพถูกปล่อยออกมาก็จะส่งผลต่อการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นการทำสิ่งไหนไม่สามารถนำมาปรับแก้ได้ จึงต้องสังวรณ์อยู่เสมอ เช่นเดียวกับตนเองที่ต้องเตือนตนเสมอ
ส่วนเรื่องที่ตนเองเคยระบุว่าจะเป็นเลขาธิการพรรคเองนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่พูด ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ จะต้องสอบถามหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค โดยขออย่าวิจารณ์การทำหน้าที่ต่างๆ ในพรรคโดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค เป็นห่วงภาพรวมเมื่ออยู่ครบสมัยแล้ว การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่มีผลงานเด่นให้ประชาชนได้เห็น จะกลับมาได้หรือไม่ ดังนั้นควรจะสงบปากสงบคำเหมือนที่ผ่านมาโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรรค
นายสมศักดิ์ ยังมองว่า การทำงานของรัฐบาลยังเดินหน้า เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้รัฐบาลมีความจำเป็นทำงานต่อไปอีก จึงขอให้ใจเย็น ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าเหลือเวลาอีก 1 ปีในการทำงานของรัฐบาล ส่วนตัวมองว่าอาจจะช้าไปกว่านั้นก็ได้ แต่ตอนนี้เป็นช่วงที่รัฐบาลมองเห็นปัญหาที่ผ่านมา และนับจากนี้ต้องตั้งต้นและเดินหน้า รีบทำหน้าที่ของตนเอง และเชื่อว่าทุกกระทรวงกำลังเร่งทำงานอยู่ เพื่อให้ประชาชนได้เห็นผลงาน ในเวลาที่เหลืออยู่ช่วงปลายรัฐบาลแล้ว