นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นตัวแทนพรรคฝ่ายค้านรับหนังสือจากเครือข่าย We Fair เพื่อขอให้กมธ.วิสามัญงบประมาณฯ จัดลำดับความสำคัญในนโยบายสวัสดิการสังคม ได้แก่ สุขภาพ การศึกษา ประกันสังคม ที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนเด็ก บำนาญประชาชนมากกว่านโยบายที่ไม่ใช่ลำดับความสำคัญ เช่น งบประมาณการจัดซื้ออาวุธ
โดยนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ แกนนำเครือข่าย We Fair กล่าวว่า งบประมาณปี 65 ไม่ตอบโจทย์ 3 ประเด็น ได้แก่ 1.งบสวัสดิการประชาชนถึงลดลง 10% ขณะที่ยังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 แต่งบราชการกลับยังเพิ่มสูงขึ้น และยังไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของงบ โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสูงมากเป็นลำดับที่ 4 แต่กลับมีการปรับลดในส่วนของประกันสังคม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และงบประมาณ สปสช. ทำให้มีข้อกังวลว่าอาจจะทำให้มีการปรับลดลงอีกหรือไม่ในวาระที่ 2 2.การจัดงบครั้งนี้ยังพบวิกฤตการณ์ของความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนประชาชนใน 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายดูแลเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี และนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุที่ยังไม่มีการปรับขึ้น รวมถึงเบี้ยนโยบายคนพิการก็ยังเท่าเดิม แต่เงินสวัสดิการราชการกลับมากกว่าสวัสดิการของประชาชน เพราะงบประมาณ 40% ล้วนแต่เป็นเงินข้าราชการที่มาจากงบประมาณของประเทศ ดังนั้นต้องมีการปฏิรูประบบข้าราชการ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ความสำคัญกับกำลังพล กองทัพ มากกว่าข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษา ซึ่งดูได้จากงบประมาณกระทรวงกลาโหมที่ได้มากกว่า 3.วิกฤติการณ์โควิดและไม่ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจ ทางเครือข่ายจึงเดินทางมายื่นหนังสือถึงกมธ.วิสามัญงบประมาณฯ เพื่อขอให้พิจารณาและให้ครม.ทบทวนการจัดสรรงบประมาณใหม่
นายพิธา กล่าวว่า งบประมาณปีนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองและไร้สามัญสำนึก มีการจัดงบระหว่างอภิสิทธิ์ชนกับประชาชนในยามที่ประเทศดิ่งเหว สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นสังคมไทยว่ายังเป็นแบบไหน เรามีหน้าที่ปกป้องสวัสดิการของประชาชนที่ให้สัญญาไว้ คือการรีดไขมันเพื่อนำงบของอภิสิทธิ์ชนและงบของทหารมาเป็นกองกลางให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนมากว่าการจัดซื้ออาวุธ และกระจายงบประมาณคืนกลับหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ต้องถูกตัดงบไป ทั้งนี้จะไปพูดคุยในกมธ.และรัฐบาลถึงเรื่องรัฐสวัสดิการในประเทศให้เขาได้เข้าใจ เพราะเราต้องโอบอุ้มคนเปราะบางให้ใช้ชีวิตต่อไปได้และประเทศไทยต้องฟื้นฟูใหม่
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ถือว่าเป็นกฎหมายที่เราต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศเกิดวิกฤตเชื้อโรคที่โจมตีกับทุกคน ดังนั้นชีวิตมนุษย์ย่อมสำคัญกว่าวัตถุ โดยการจัดงบประมาณปี 65 ให้ความสำคัญกับวัตถุ การก่อสร้าง และการซื้ออาวุธมากกว่าชีวิตประชาชน ทางกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและสื่อไปถึงรัฐบาลว่าประชาชนไม่ใช่ลูกหนี้ผู้รับใช้ แต่รัฐบาลและข้าราชการเป็นหนี้กับประชาชนเพราะเงินเดือนทุกบาทมาจากภาษีของประชาชน
ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณไม่ใส่ใจประชาชน ซึ่งในวาระแรกในชั้นพิจารณารับหลักการ ทางส.ส.ฝั่งรัฐบาลก็อภิปรายอย่างดุเดือดชี้ให้เห็นความบกพร่องถึงร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่ท้ายสุดกลับลงมติรับหลักการ ตนคิดว่าเราต้องติดตามในการพิจารณาในวาระ 2 และเราจะร่วมกันตรวจสอบต่อไป