ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว พร้อมแนบลิงค์ข่าวของเวปไซต์ ฐานเศรษฐกิจ ในประเด็นข่าวเรื่อง “เอกชนขอนำเข้า “วัคซีนไฟเซอร์” 20 ล้านโดส วงเงิน 6 พันล้าน เจรจาได้แล้วพร้อมจัดสรรให้รัฐ 50%” พร้อมด้วยข้อความว่า “เอกชนไหนครับ ช่วยเตือนความจำผมด้วยเอกชนขอนำเข้า “วัคซีนไฟเซอร์” 20 ล้านโดส วงเงิน 6 พันล้าน เจรจาได้แล้วพร้อมจัดสรรให้รัฐ 50%”
ส่วนเนื้อหาข่าวนั้น มีการรายงานข่าว อ้างว่า เอกชนรายหนึ่งได้สั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 และยังอ้างว่า ผู้บริหารบริษัทเอกชนรายนี้ กล่าวยอมรับว่า มีการเจรจากับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อศึกษาแนวทางว่าจะสามารถนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ได้อย่างไร หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการสั่งซื้อไว้ล่วงหน้าเมื่อ 8 เดือนก่อนจนได้รับจัดสรรโควต้า แต่ด้วยเงื่อนไขการส่งมอบวัคซีนผ่านหน่วยงานรัฐบาลเท่านั้นจึงต้องศึกษาหาช่องทางและโอกาส เพื่อให้คนไทยได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์อย่างเร็วที่สุด
และเมื่อโพสนี้ได้มีการเผยแพร่ไป ก็มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ
– การเขียนอ้างชื่อสถาบันราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าเป็นคู่เจรจากับ นายหน้า โดยทางสถาบันฯเองไม่ได้ทราบเรื่องเลยเช่นนี้ผมว่าเป็นความรับผิดชอบของสื่อที่ต้องรีบแก้ข่าว และขอโทษทางสถาบันฯโดยเร็ว ส่วนทางสถาบันฯเองจะฟ้องเอาผิดทางกฏหมายก็สมควรจะกระทำได้เช่นเดียวกันนะครับ
– ผมเห็นความเร็ว และทันสมัยของอาจารย์ที่ออกมาสยบ (ตบหน้า) พวกที่มโนไปไม่จบไม่สิ้น ทำยังกะวัคซีนมันมีวางขายเกลื่อนตามชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าทั้งโลกอย่างนั้นแหละผมไม่ใช่นักกฎหมาย กรณีแบบนี้ความเห็นผมส่วนตัว น่าจะฟ้องสำนักข่าวนี้ เผื่อจะได้เข็ดหลาบในการนำเสนอ fake news ไม่มีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพตัวเองแล้วไม่พอ ไม่ต้องถามถึงความรับผิดชอบต่อสังคมครับ
ซึ่งตอกย้ำ เมื่อ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกหนังสือชี้แจงกรณีข่าวการนำเข้าวัคซีนโควิด 19 ของ ไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค จำนวน 20 ล้านโดสเข้ามาในประเทศไทย โดยบริษัทเอกชนรายหนึ่งนั้น บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอชี้แจง ว่า ไฟเซอร์อยู่ระหว่างการเจรจาและหารืออย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเพื่อให้ประเทศไทยได้สามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด 19 ของเราได้อย่างทั่วถึง โดยการเจรจาดังกล่าวได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น
บริษัทฯ ขอย้ำว่าในภาวะที่มีการระบาด ณ ขณะนี้ ไฟเซอร์จะดำเนินการสงมอบวัคซีนโควิด 19 ผ่านหน่วยงานรัฐบาลแห่งชาติ หรือหน่วยงานสากลระหว่างประเทศ เพื่อการกระจายวัคซีนภายใต้แผนการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติเท่านั้น โดยในการรับมือกับภาวะวิกฤติสุขภาพระดับโลก การจัดทำข้อตกลงในการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ของเรา ณ ขณะนี้ จะดำเนินงานผ่านหน่วยงานของรัฐบาลในแต่ละประเทศเท่านั้น ซึ่งเราเชื่อว่าจุดยืนดังกล่าวเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในภาวะของการระบาดเพื่อจะทำให้เกิดการกระจายและเช้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมในหมู่ประชากรของประเทศนั้น ๆ
เราขอยืนยันว่าทั้งสำนักงานใหญ่ (ไฟเซอร์ อิงค์ และบริษัทไฟเซอร์ที่อยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ได้อนุญาตให้องค์กรหรือหน่วยงานใดทำหน้าที่เป็นตัวแทน หรือ ตัวกลางในการทำการส่งออก ทำการตลาด หรือกระจายวัคซีนต้านโควิด 19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทคทั้งสิ้น และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีผู้จัดจำหน่ายเอกชนรายใดในโลกได้รับอนุญาตให้กระจายวัคซีน
ซึ่งก่อนหน้านั้น ทาง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ก็ได้ถูกกล่าวอ้างถึงมาแล้ว เมื่อบริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ที่ทำถึงราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยมีเนื้อหาอ้างว่า บริษัท แอคแคปฯสามารถจัดหาวัคซีนชิโนฟาร์ม จำนวน 20 ล้านโดส และสามารถจัดส่งให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ไม่สามารถติดต่อขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้ จนมีการเผยแพร่หนังสือฉบับดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดถึงการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 พ.ค.64 ที่ผ่านมา
จนทำให้สังคมเข้าใจผิดมาแล้ว