นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เชื้อไวรัสโควิด-19 มีวิวัฒนาการทางธรรมชาติ นำหน้าเรา 1 ก้าวเสมอ” เมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดระลอกแรกเป็นอย่างดี ช่วง มกราคมถึง 14 ธันวาคม 2563 ระยะเวลา 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 คน เสียชีวิต 60 คน สหประชาชาติ ชื่นชมไทยรับมือโรคโควิดในด้าน
1 การดำเนินมาตรการของรัฐบาล
2 ความสามัคคีของประชาชนในการช่วยกันป้องกันโรค สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ
3 ความรับผิดชอบต่อสังคมของอาสาสมัครสาธารณสุข หรือ อสม.
มองย้อนหลังตัวแปรสำคัญคือ เชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนั้น สายพันธุ์ G ยังไม่เก่งเหมือนเชื้อปัจจุบัน อาจปรับตัวไม่เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทย ซึ่งร้อนและชื้น จึงหยุดการแพร่ระบาด ขณะนี้ ประเทศไทย เผชิญการระบาดอย่างรวดเร็ว การระบาดระลอก 3 เพียง 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 31 พฤษภาคม 2564 มีผู้ป่วยสะสม 130,929 ราย เสียชีวิตสะสมแล้ว 937 คน
จากการตรวจรหัสพันธุกรรมแบบทั้งตัว ซึ่งต้องใช้เงิน 1-2 หมื่นบาท พบมีการระบาดของสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 ซึ่งติดต่อกันง่าย แพร่กระจายเร็ว ทนร้อน ทนชื้น รุนแรงทำให้ตายมากขึ้น การรับมือการระบาดครั้งนี้ต้องอาศัยวัคซีน เร่งฉีดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด
เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังนำหน้าเราไปอีกแล้ว ล่าสุด เวียดนามรายงานตรวจพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 กับสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 สามารถติดต่อแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วทางอากาศ หมายความว่า เชื้อนี้เหมือนสายพันธุ์อินเดียแพร่กระจายได้ดียิ่งกว่า สายพันธุ์อังกฤษ แต่รุนแรงเท่าสายพันธุ์อังกฤษ
เราจะเผชิญกับโรคโควิด-19 ที่ติดต่อกันง่ายยิ่งขึ้น และยังรุนแรงมากเท่าเดิม ถ้าเชื้อกลายพันธุ์นี้สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนปัจจุบัน ยิ่งจะสร้างปัญหา จำเป็นที่ทุกคนต้องฉีดวัคซีนรุ่นใหม่ที่กำลังพัฒนาเพื่อครอบคลุมสายพันธุ์ใหม่ ๆ ปีหน้า ดูสถานการณ์แล้ว เราตามเชื้อไวรัสโควิดไม่ทัน โรคโควิด-19 คงจะอยู่กับเราอย่างน้อยอีก 1- 2 ปี