นายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเบนจามิน เนทันยาฮู และเจ้าหน้าที่อาวุโสของอิสราเอลในวันแรกที่ไปเยือนตะวันออกกลาง โดยนายบลิงเคนและนายเนทันยาฮูจะได้มีการหารือโดยละเอียดเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยของอิสราเอล รวมถึงการจัดหาระบบปกป้องทางอากาศหรือ ไอรอนโดม (Iron Dome) พร้อมกับจรวดสกัดกั้น บลิงเคนยังได้กล่าวอีกว่าทั้งชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ สมควรที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและมั่นคงเท่าเทียมกัน เพื่อเสรีภาพความเป็นประชาธิปไตย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอิสราเอลใช้การพบกันครั้งนี้ เรียกร้องให้สหรัฐไม่กลับไปทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพราะข้อตกลงนี้จะทำให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ ซึ่งอิสราเอลจำเป็นต้องปกป้องตนเองในเรื่องนี้ ด้านบลิงเคนเพียงรับว่าต้องไปหารือร่วมกันในสหรัฐต่อไป แต่ในขณะนี้สหรัฐก็กำลังเจรจากับอิหร่านอยู่
หลังพบกับนายเนทันยาฮู บลิงเคนได้เดินทางไปพบกับผู้นำปาเลสไตน์ นายมาห์มุด อับบาส โดยบลิงเคนได้กล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีไบเดน จะเปิดสถานกงสุลสหรัฐในกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเป็นจำนวน 5.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แก่ฉนวนกาซา ตลอดจนความช่วยเหลือด้านอื่นๆเพิ่มเติมแก่ชาวปาเลสไตน์ นอกเหนือจากความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ทางสหรัฐจะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจแก่ชาวปาเลสไตน์อีก 75 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปีนี้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงการบริหารงานของทรัมป์ สถานกงสุลในเยรูซาเล็มถูกปิด และความช่วยเหลืออื่นๆก็ถูกยกเลิกไป แต่สหรัฐต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์อีกครั้ง ซึ่งนายอับบาสก็ยืนยันที่จะพยายามฟื้นฟูฉนวนกาซาและจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ
ขณะนี้ สหรัฐกำลังทำงานร่วมกับทางสหประชาชาติหรือ UN เพื่อฟื้นฟูฉนวนกาซา และทางฮามาสจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆในความช่วยเหลือครั้งนี้อย่างแน่นอน