พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.สนามพลังแผ่นดิน และเครือข่ายปฏิบัติการร่วมทหารพลเรือน รพ.สนาม ทบ. โพสต์เฟสบุ๊กล่าสุดเกี่ยวกับ รพ.สนาม ว่า ข้อดีของ รพ.สนามพลังแผ่นดิน คือ ตอบโจทย์ความจำเป็นด้านการแพทย์ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก[Mass casualty] ได้อย่างรวดเร็ว [Speed] ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน บรรลุประสิทธิผล[Effectiveness]ด้วยต้นทุน[Cost]ต่ำ สอดคล้องกับความจำเป็นของชาติในด้านงบประมาณแผ่นดิน ตลอดจนการใช้ทรัพยากรน้อยแต่เกิดประสิทธิผลสูงสุด เกิดความคุ้มค่า [Cost-Effectiveness] ทั้งยังทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด [Economy of Scale] และการประหยัดจากความรวดเร็วฉับไว[Economy of Speed] ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้
1] สามารถรองรับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก [Mass casualty] ในกรณีที่มีอาการปานกลางจนถึงรุนแรง ตลอดจนผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องสงสัย ซึ่งอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค[Patient Under Investigation , PUI] และรอผลการตรวจเชื้อโดย รพ.สนามพลังแผ่นดิน สามารถทำการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น การผ่าตัด ทำคลอด ฯลฯ ได้โดยไม่ต้องรอผลการตรวจ ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินไม่เสียโอกาส เช่น ผู้ป่วยคลอด , ผู้ป่วยอุบัติเหตุ เป็นต้น หากภายหลังจากการรักษาเร่งด่วนแล้วพบว่าผลการตรวจนั้นมีการติดเชื้อจริง รพ.สนามพลังแผ่นดินก็จะรับผู้ป่วยนั้นไว้ใน รพ.สนามพลังแผ่นดินเพื่อการกักกันและรักษาได้อย่างทันทีและต่อเนื่องไป แต่หากไม่พบว่าผลการตรวจมีการติดเชื้อ รพ.สนามพลังแผ่นดินก็จะส่งกลับผู้ป่วยคืน รพ.ประจำถิ่นซึ่งเป็น รพ.หลักในสถานการณ์ปกติ ดังเช่น กรณีการผ่าตัด 3 ราย และการทำคลอด 1 ราย ณ ห้องผ่าตัดสนาม รพ.สนามพลังแผ่นดิน ในระยะเวลา 3 วันติดต่อกันของสัปดาห์แรกของ รพ.สนามพลังแผ่นดิน
2] ลดผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 [Non-COVID]จำนวนมากที่ยังจำเป็นต้องใช้บริการทางการแพทย์จาก รพ.ประจำถิ่นซึ่งเป็น รพ.หลัก ทั้งนี้ผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 [Non-COVID]นั้น ยังคงมีอุบัติการณ์การเจ็บป่วยและเสียชีวิตที่ยังจำเป็นต้องใช้บริการทางการแพทย์จาก รพ.ประจำถิ่น ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดแล้ว โรคอื่นๆที่ไม่ใช่โรคระบาดจะสงบเงียบหายไปนะครับ ดังนั้นเราจึงไม่อาจละทิ้งผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 [Non-COVID]ออกไปจากสถานการณ์ฉุกเฉินของชาติได้ ดังนั้นหาก รพ.ประจำถิ่น ต้องแบกภาระผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 [Non-COVID]จำนวนมากในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และย่อมส่งผลเสียต่ออุบัติการณ์การเจ็บป่วยและเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ไม่ใช่โควิด-19 [Non-COVID]จำนวนมากด้วยเช่นกัน
การประกบคู่กัน ระหว่าง รพ.ประจำถิ่น[รพ.มงกุฎวัฒนะ] กับ รพ.สนาม ระดับ 3 [รพ.สนามพลังแผ่นดิน] จึงเปรียบเสมือนการตั้ง ‘ป้อมปราการที่พร้อมรบ 2 ด้าน’ ทำให้สามารถทำการรบได้ 360 องศา ย่อมได้เปรียบในเชิงรุกมากกว่า ‘ป้อมปราการที่พร้อมรบเพียงด้านเดียว’ ที่ทำการรบแบบตั้งรับแบบหลังชนฝา รบได้เพียงด้านเดียวแค่ 180 องศา …และยิ่งนำการประกบคู่ ระหว่าง รพ.มงกุฎวัฒนะ กับ รพ.สนาม ระดับ 3 [รพ.สนามพลังแผ่นดิน] มาผนวกด้วย รพ.สนาม ระดับ 1 จาก รพ.สนาม ทบ.อีก 3 แห่งจาก กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 , มณฑลทหารบกที่ 11 และ กรมพลาธิการทหารบก ด้วยแล้วก็จะทำให้เกิด ‘ระบบปฏิบัติการ รพ.สนาม ขั้นสมบูรณ์’ สามารถเป็นเครื่องมือให้ รัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีหน่วยพร้อมรบสงครามชีวภาพโควิด-19 ในสมรภูมิกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นี่คือ ‘แผนยุทธการสงครามชีวภาพโควิด-19’ ที่ผมเตรียมการและกำลังปฏิบัติการอยู่ในขณะนี้…นี่แหละครับ ความบ้า กระหายสงคราม ของผม อดีตนายทหารยุทธการ กรมแพทย์ทหารบก…ทหารเก่าของพระเจ้าแผ่นดินจอมทัพภูมิพลมหาราชและจอมทัพมหาวชิราลงกรณ์