เมื่อวันที่ 21 พ.ค.- นายนิพนธ์ นาคสมภพ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการแก้ไขเฟกนิวส์หรือข่าวปลอมว่า เฟกนิวส์ในคำนิยามของไทยคือข่าวปลอม หรือการบิดเบือนข้อมูลที่ไม่มีมูล ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการสื่อสารของมนุษย์ เฟกนิวส์จากการสื่อสารผ่านทางอิเล็กทรอนิวส์หรือทางออนไลน์ที่มีการเผยแพร่เป็นสื่อใหม่ ถือเป็นเครื่องมือให้ประชาชนหลงเชื่อหลายเรื่องในการแสวงหาประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ล่าสุดคลับเฮาส์เปิดชุมชนขึ้นเพื่อขยายผลการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งต่อไปก็จะมากกว่าเฟกนิวส์ที่จะอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ และมีจำนวนผู้เสียหายหรือเหยื่อเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทั่วโลกกำลังหาทางป้องกัน โดยการสร้างคู่มือขึ้นมาให้ความรู้กับประชากรทั่วโลกได้ศึกษา
ส่วนประเทศไทยก็มีความตื่นตัว โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตั้งศูนย์ข่าวปลอมขึ้นมาเป็นศูนย์กลาง เพื่อจัดการกับปัญหาเฟกนิวส์โดยเฉพาะ ตั้งแต่พ.ย.ปี 2562 โดยสรุปว่าตั้งแต่เปิดศูนย์ฯทำงานมาจนถึงม.ค.ปี 2564 มีการขอคำสั่งศาลไปแล้ว 375 คำสั่ง เพื่อระงับการเผยแพร่ข้อมูลไปแล้วกว่า 10,000 ข้อความโดยเป็นข้อความทางเฟซบุ๊กมากกว่า 65 % ตั้งแต่ปี 2559-2563 จับกุมดำเนินกคดีกว่า 250 คดี ส่วนปีนี้ตั้งแต่ม.ค.-เม.ย. ดำเนินคดีไปแล้ว 158 คดี แสดงว่าปีนี้ทำงานเข้มข้นขึ้น 3 เท่า จากเดิมเป็นเรื่องมาตรา 112 และการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องโควิด-19 มากกว่า ที่ดำเนินการแล้ว 35 คดี ส่งอัยการไปแล้ว 22 คดี และอยู่ระหว่างการสอบสวน 9 คดี ซึ่งตอนนี้มีหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะหลายสื่อตั้งศูนย์ดำเนินการตรวจสอบข่าวปลอมก่อนแบบให้ชัวส์ก่อนแชร์ เพราะที่ผ่านมามีสื่อบางสำนักออกข่าวเรื่องโควิด-19 ที่ไม่มีข้อเท็จจริง ได้รับการต่อว่าจากสังคมอย่างมาก ทำให้หมดความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้การแก้ปัญหาข่าวปลอมในไทยต้องแก้ไขอย่างจริงจัง โดยอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาชน เพราะเป็นเรื่องใหม่ และเป็นประสบการณ์ใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีแนวทางมากขึ้น และมีแหล่งสืบค้นข้อเท็จริงมากขึ้น เพื่อให้รู้เท่าทันสื่อใหม่
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องกฎหมายขึ้นอยู่กับการตีความความเสียหายว่าเป็นการเจตนาหรือไม่ ถ้าเราตัดคำว่าออนไลน์ออกไปจะมีกฎหมายอื่นครอบคลุมมากมาย เช่น กฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง นอกจากนี้ยังมีพ.ร.บ.ต่างๆแยกเฉพาะเรื่องสามารถเอาผิดได้ วันนี้ต้องดูว่า 1.การเอาผิดนั้นมีเจตนาหรือว่าหิวแสง 2.ต้องดูว่ามีเจตนาหลอกลวงหรือไม่ ที่เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งกระบวนการทางด้านกฎหมายทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ตำรวจไซเบอร์ต้องขอคำสั่งศาลให้ระงับการเผยแพร่ข่าวปลอมในไทย แต่ที่มีปัญหาจริงๆคือการใช้แพลตฟอร์มจากต่างประเทศ โดยคนทำคือคนไทย แต่ส่งไปต่างประเทศเพื่อใช้แพลตฟอร์มจากต่างประเทศส่งกลับมาเมืองไทย พอมีคำสั่งศาลไป ตัวแทนบริษัทบอกว่าเมืองไทยปฏิบัติงานทางด้านการตลาด ไม่เกี่ยวกับการเผยแพร่สื่อ เรื่องนี้ทางคณะอนุกรรมาธิการสิทธิเสรีภาพด้านสื่อสารมวลชน และสื่อสารสาธารณะ วุฒิสภา มีความเห็นตกผลึกว่ากระบวนการบังคับใช้กฎหมายระยะสั้นต้องใช้กฎหมายกับผู้ให้บริการสื่อออนไลน์ต่างประเทศที่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย เช่น เฟซบุ๊ก กูเกิ้ล ให้รับผิดชอบในการตรวจสอบและระวังเนื้อหา รวมถึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย ไม่เช่นนั้นก็ต้องปิดสำนักงานที่เป็นตัวแทนด้านการค้าในเมืองไทย รัฐต้องมีกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อเนื่องในการดำเนินคดีอาญาและปกครอง ต้องบังคับอย่างจริงจังและทันการณ์ ควรบัญญัติกฎหมายใหม่ที่เป็นกฎหมายป้องกันการสร้างข้อมูลอันเป็นเท็จจริง โดเยฉพาะเรื่องที่มีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย ในระยะสั้นต้องร่วมมือกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศเพื่อบังคับใช้กฎหมายให้มีพลัง ซึ่งกฎหมายต้องปรับไปเรื่อยๆ และรัฐบาลก็ต้องปรับตัวเองให้ทันเทคโนโลยี รวมถึงให้ความรู้ประชาชนเท่าทันสื่อที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อทำให้เรื่องเฟกนิวส์ในประเทศไทยทุเลาลงได้