วันที่ 9 ธ.ค. – ที่รัฐสภา นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ว่า โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกราบสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ก่อนจะเดินทางมาที่รัฐสภา เพื่อกราบลานายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา โดยท่านชวน บอกว่าขอบคุณมากที่ทำหน้าที่สมาชิกพรรคมาโดยตลอด และขอให้กำลังใจ รวมทั้งขอให้อดทน ขนาดพระอาทิตย์ยังขึ้นและตกในตอนเย็น ก่อนจะขึ้นใหม่ในวันรุ่งขึ้นได้เลย อีกอย่างเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคปี 2511 พร้อมกัน โดยท่านชวนเป็นเป็นส.ส.ในปี2512 ตนเป็นส.ส.ในปี2538 ซึ่งตนลาออกมาจากอัยการ ส่วนท่านชวนเป็นรุ่นพี่ในหลาย ๆ เรื่อง จึงเลือกที่จะมากราบขออภัยในเรื่องที่ถูกเขียน และวินิจฉัยจนพรรคได้รับความเสียหาย
นายถาวร กล่าวว่า ส่วนตัวได้ไปดูข้อบังคับพรรค ปรากฏว่าข้อบังคับข้อที่ 9 ที่ออกเมื่อปี 2561 ได้เขียนล้อรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ทั้งมาตราว่า ผู้ที่จะเป็นสมาชิกพรรคจะต้องมีคุณสมบัติหลายอย่าง และจะต้องไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม ปรากฏว่าในข้อ 9 (7) เขียนตรงกับรัฐธรรมนูญมาตรา98 (6) ที่ศาลวินิจฉัยให้ตนขาดจากการเป็นส.ส. ว่าต้องคำพิพากษาของศาลและถูกคุมขังโดยหมายของศาล
นายถาวร กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2511 หรือประมาณ 53 ปี ของความภาคภูมิใจ ของการเป็นสมาชิกพรรคที่ทำหน้าที่ตามอุดมการณ์พรรค กระทั่งเป็นรองเลขาธิการพรรค จากนั้นไปเป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นประธานคณะกรรมาธิการ เป็นรัฐมนตรี 2 สมัย เป็นส.ส.เขตเลือกตั้ง จ.สงขลา 7 สมัยซ้อน ยอมรับว่าเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ส่วนตัวรู้สึกเจ็บปวดมาก ลึก ๆ แล้วรู้สึกว่าเป็นคนไม่ดีเลย ไม่น่าไว้วางใจ และขาดคุณสมบัติจากการเป็นนักการเมืองที่ดีแล้ว จึงอยากจะขอถามกลับไปที่ศาลว่า ท่านได้ใช้หลักอะไรวินิจฉัย
ส่วนตัวมองว่าประเทศไทยปกครองโดยรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด หรือ หลักรัฐธรรมนูญนิยม เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญต้องเหนือกว่า สูงกว่า กฎหมายวิแพ่งที่อ้างว่าขังตนโดยชอบ เพราะฉะนั้นเมื่ออ้างวิแพ่ง วิธีพิจารณาความแพ่งมาเป็นข้ออ้างการเขียนว่าเป็นการขังโดยชอบ ตนขอโต้แย้ง ยังไงก็ไม่ยอมรับ แต่ต้องรับโทษตามคำพิจารณา หรือภาษาชาวบ้านคือ การเขียนหักมุมของท่านไม่สวย ไม่น่ารัก และไม่น่าเชื่อถือเลย
นายถาวร กล่าวว่า ขอฝากไปยังเพื่อนพ้องน้องพี่สมาชิกพรรคว่า “ขอโทษทุกคน ขอโทษกรรมการบริหารพรรค และจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ” ซึ่งตนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในสภาต่อ แต่ตนยังคงตั้งใจจะเป็นนักการเมืองต่อ แต่ในบทบาทไหน ขอกลับไปตั้งหลักคิดก่อน ขอย้ำว่าการเอากฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาให้อยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 125 นั้น ตนไม่เห็นด้วยเด็ดขาด
ต่อข้อถามว่า การเลือกตั้งซ้อมในจังหวัดสงขลา คิดว่ากระแสนิยมของตัวท่าน และพรรค ปชป. จะยังคงรักษาเก้าอี้ในเขตเลือกตั้งได้หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ในฐานะที่ตนขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้วตนขออนุญาตวางเฉย เพราะนางสุภาพร กำเนิดผล ที่เป็นภรรยาของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ก็ที่ได้รับความนิยมสูงในจ.สงขลา และ ผู้สมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นลูกหัวคะแนนของตน ซึ่งเป็นลูกของเพื่อน ที่รักและนับถือเป็นพี่เป็นน้องมาตลอด
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ แข่งกันเองจะไม่กลายเป็นรอยร้าว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปใช่หรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่านักการเมืองที่มีน้ำใจ จะแข่งยังไงก็แล้วแต่ ขอให้ยึดมั่นความสุจริตและเที่ยงธรรม ขอฝากไปยัง กกต. ว่าขอให้ทำงานเสียบ้าง เพราะผู้ตรวจการ หรือเจ้าหน้าที่ ๆ อยู่ในพื้นที่ ต่างไม่ทำหน้าที่ ดูได้จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาอบต. หรือนายก อบต. หรือเทศบาล การเมืองสกปรกก็เพราะกกต.ไม่ทำหน้าที่ ดังนั้นขอฝากไปถึงกกต. หรือผู้ที่รับผิดชอบ และ จิตวิญญาณของนักการเมืองทุกคนที่จะมาเล่นการเมืองว่าถ้าอยากจะมาถอนทุนการเมืองแล้วซื้อเสียงก็ขอให้พี่น้องประชาชนสาปแช่ง
“ขอย้ำว่าผมขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคและส.ส. แล้วขอนั่งดูและนั่งคิดเรื่องการเมืองก่อน และให้น้อง ๆ คนรุ่นใหม่ได้ทำการเมืองกันบ้าง รวมทั้งขอย้ำว่าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ได้ทำให้ผมหมดไฟแต่กลับทำให้ผมยิ่งฮึกเหิม” นายถาวร กล่าว