No data was found

ส.ว.สมชาย จี้นายกฯ แก้กฎหมายราชทัณฑ์

กดติดตาม TOP NEWS

กรุงเทพฯ 8 ธ.ค.-  “สมชาย แสวงการ” จี้นายกฯ แก้กฎหมายราชทัณฑ์ เสนอเมื่อจะขอลดโทษคดีใหญ่ ให้กลับไปถามความเห็นผู้พิพากษา ระบุลดโทษคดีจำนำข้าว ทำกระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว เสนอเร่งแก้ เลิกอำนวยนักการเมืองโกง

ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เปิดเผย Top News ถึงกรณีพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษให้นักโทษคดีทุจริตจำนำข้าว จาก 40-50 ปี เนื่องในวโรกาสต่าง ๆ ซึ่งจะติดคุกจริงไม่กี่ปีว่า ส่วนตัวมองว่ารับไม่ได้ เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวทั้งหมด ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานมากกว่าจะมีการดำเนินคดี หรือกว่าจะพิจารณาไต่สวนและมีคำพิพากษาไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 62 แต่ที่เกิดปัญหาในสังคมปัจจุบันนี้คือ กรณีดังกล่าวทำให้เกิดช่องว่าง ที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดล้มลงไม่เป็นท่า เพราะจุดสุดท้ายที่จะต้องตัดสินคือราชทัณฑ์ ที่ใช้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ออกกฎกระทรวงของตนเอง ที่กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดและเงื่อนไขนักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการลดโทษวันต้องโทษจำคุก หรือพักการลงโทษ และได้รับการปล่อยตัว พ.ศ.2562 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรคหนึ่ง มาตรา 52 วรรค 2 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560

นายสมชาย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการกรมราชทัณฑ์ ออกกฎกระทรวง 2 เรื่องสำคัญคือ 1.แบ่งนักโทษตั้งแต่ชั้นดี ดีมาก กลาง และปรับปรุง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นักการเมือง ข้าราชการเอกชนที่ทุจริต จากโครงการจำนำข้าว ได้รับการเลื่อนโทษเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม เพราะในข้ออ้างระบุว่า เป็นนักโทษที่แสดงความประพฤติดี อุตสาหะ มีความก้าวหน้า ในการศึกษา มีการงานดี และมีความรับผิดชอบต่อราชการ แต่ก่อนที่จะเลื่อนขั้นให้นักโทษจำนำข้าว เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมก็จะต้องไปศึกษา ข้อกำหนด ข้อ 14 และข้อ 15 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้บัญชาการเรือนจำเสนอบัญชีการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาด เพื่อขอความเห็นต่ออธิบดีได้ปีละ 4 ครั้ง คือเดือนเมษายน / มิถุนายน / สิงหาคม และธันวาคม

นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนการเลื่อนชั้น หรือลดโทษจะมีอีกครั้งในต้นปีหน้า หรือปี 65 โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ซึ่งจะมีการหยิบยกคุณสมบัตินักโทษดีเยี่ยม หรือป่วย หรืออายุเกิน หรือทำคุณงามความดี เข้าสู่กระบวนการพักโทษ ดังนั้นนักโทษหลาย ๆ คนจะพ้นโทษประมาณกลางปี 65 หรือเกือบทั้งหมดภายในสิ้นปี 65 เห็นได้ชัดว่านี่คือกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว จึงขอเรียกร้องไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงมาพิจารณาแก้กฎหมาย พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ แก้กฎกระทรวง และตรวจสอบว่ามีการฉ้อฉล ในชั้นการควบคุมของผู้บัญชาการเรือนจำ หรืออธิบดีหรือระดับคณะกรรมการอย่างไร ซึ่งความรับผิดชอบเหล่านี้ตนอยากมีโอกาสได้พูดแทนเพื่อนผู้พิพากษา เพื่อนอัยการ และเพื่อนที่ทำงานคณะกรรมการ ปราบปรามการทุจริตและพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ที่ต่อสู้ในเรื่อง คดีทุจริตไม่มีอายุความ

ต่อข้อถามว่าการพิจารณาของศาลใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีการตัดสิน แต่กระบวนการกรมราชทัณฑ์ ทำเช่นนี้ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ากระบวนการลดโทษพักโทษ ควรที่จะย้อนกลับไปสู่ศาลเดิมที่พิพากษาคดี ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ยกตัวอย่างเช่นคดีจำนำข้าว จะต้องส่งสำนวนกลับไปให้ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาว่าบุคคลเหล่านั้นได้รับโทษ สมกับที่ศาลพิพากษาแล้วหรือยัง หรือทำความดีอันใด ถึงได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดี หรือสำนึกในการกระทำหรือไม่ ส่วนตัวเชื่อในกระบวนการศาลยุติธรรมว่าจะมีการพิจารณาสืบสวนสอบสวน จนสิ้นกระแสความอย่างแน่นอน

“รวมทั้งจะต้องแก้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ว่าเมื่อจะขอลดโทษในคดีใหญ่ หรือคดีสำคัญ หรือคดีที่มีโทษหนัก หรือทุกคดี ที่ไม่ใช่ลหุโทษจะต้องกลับไปขอ ความเห็นของผู้พิพากษา เจ้าของคดี หรือส่งที่ศาลที่มีการตัดสินโทษดีกว่า ดังนั้นไม่ว่าศาลจะตัดสินจำคุกกี่ปี กี่กำ กี่วาระก็จะต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ใช่ว่าจะมีการลดหย่อนลดโทษพักโทษหรือกระทำการใด ๆ ที่ผู้กระทำผิดไม่สมควรที่จะได้รับ จึงอยากจะเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกชั้นเป็นผู้พิจารณา แก้กฎหมายให้ถูกต้อง เพราะส.ว.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมาย เพราะกฎหมายที่ออกไปแล้วเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎร” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวทำให้หลายคนไม่เกรงกลัวในการทำการทุจริต เพราะถ้าติดคุกก็ติดไม่กี่ปี หลังจากนั้นก็จะได้รับการอภัยโทษ จะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คนไทยกว่า 69 ล้านคน ยังเกรงกลัวกฎหมายเหมือนเดิมเพราะ แต่ละคนไม่มีเส้น หรือไม่มีพวก หรือไม่มีเงิน ที่จะไปต่อสู้ กับกระบวนการต่าง ๆ ได้ เปรียบดังเช่น “คุกมีไว้ขังคนกับหมา” ซึ่งประโยคสั้น ๆ แค่นี้ อาจจะเป็นจริงได้ เมื่อเทียบกับ บุคคลที่เป็นนักการเมือง หรือบุคคลที่ทุจริต หรือ บุคคลที่กระทำความผิด กลับได้รับการยกย่องให้เป็นนักโทษดีเยี่ยม และได้รับการปล่อยตัวเร็วกว่า อัตราโทษที่ศาลสั่ง เป็น 10 เท่า เห็นได้ชัดว่าเปรียบเทียบอะไรกันไม่ได้เลย ซึ่งเป็นความบกพร่องของข้าราชการ และตนไม่สามารถระบุได้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่เชื่อว่ามีขบวนการนี้อย่างแน่นอน จึงวอนขอให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการสอบกระบวนการเหล่านี้ และมอบนโยบายออกมาสั่งการให้ชัดเจน

นายสมชาย กล่าวว่า สุดท้ายนี้มองว่าสำนักงานคณะกรรมการของวุฒิสภา ก็คงจะนำเรื่องไปสอบสวนเท่าที่มีอำนาจ และในกรณีดังกล่าวหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็อยากจะขอให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมเหล่านี้ และหากจำเป็นว่าจะต้องแก้ไขกฎหมายก็ให้ทำการเสนอแก้ไขกฎหมายทันที หรือเข้าไปตรวจสอบกระทรวงยุติธรรม หรือตรวจสอบกรมราชทัณฑ์ หรือคณะกรรมการการราชทัณฑ์ หรือตรวจสอบมติในที่ประชุมแต่ละครั้ง หรือตรวจสอบบิ๊กเนมทั้งหมด ว่าแต่ละครั้งได้รับการยกย่อง ว่าเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมกี่ครั้งและได้รับการลดโทษกี่ครั้ง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายอนันต์ชัย" ลั่นอยากมีเรื่อง เดี๋ยวจัดให้ ฮึ่ม "เชื่อมจิต" เรียงข้อหาเอาผิดไว้แล้ว
ป.ป.ช.ชี้มูลผิด "บิ๊กปตท."กับพวก รับสินบน "บ.โรลส์-รอยซ์"
"สมาคมธนาคารไทย" เตรียมพิจารณาแนวทางเพิ่ม ช่วยเหลือ "ลูกค้ากลุ่มเปราะบาง" ลดภาระทางการเงิน
สวยสังหาร นักแม่นปืนสาวกะเหรี่ยง สุดโหด แบกอาวุธซุ่มยิงแบบกองโจร รัวใส่ทหาร SAC
"ส.ต.ต.หญิง" โพสต์อัปเดตชีวิตอาการล่าสุด หลังป่วยหนักเป็นซึมเศร้า ตอนนี้เตรียมเริ่มงานที่ใหม่แล้ว
AI บูม หนุนใช้ก๊าซเพื่อผลิตไฟฟ้า พุ่งในอีก 5 ปีหน้า
UN เรียกร้องนานาชาติสอบสวนการเสียชีวิตที่รพ.ในกาซา
"วลัยพร ช่วยยก" เดินหน้าอาชีพมั่นคงหนุนสร้างอาชีพชุมชน ... ยก "ห้าดาว" เป็นธุรกิจแห่งโอกาส
“วันนอร์” เตือนอย่าดันทุรัง ชงแก้รธน. รอทำประชามติก่อน
กาซา ทารกรอดปาฏิหาริย์ จากผ่าคลอดแม่ที่กำลังจะตาย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น