กลุ่มมวลชนคนหน้าเดิมออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งพร้อมกับโหยหา “นายกฯคนนอก ตั้งรัฐบาลสร้างชาติ” ดูเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ที่ยากจะไปถึง
“รัฐบาลสร้างชาติ” คำที่ปรากฎขึ้นเมื่อไม่กี่วัน ภายหลังมวลชนที่ใช้ชื่อ “กลุ่มประชาชนคนไทย” (ปท.) นำโดย นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา ปรีดา เตียสุวรรณ์ ศิริชัย ไม้งาม และพิชิต ไชยมงคล เปิดแถลงข่าว ขอให้รัฐบาลเสียสละลาออก เนื่องจากล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด – 19 และการปฏิรูปการเมือง เพื่อเปิดทางให้มีการตั้ง”รัฐบาลสร้างชาติ” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272
การออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวของกลุ่มนี้ ล้วนเป็นคนที่เคยร่วมขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สมัยขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนมาร่วมผนึกกำลังกับ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูประเทศไทยให้เป็นประชาชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กลุ่มกปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน ในการขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จากชนวนเหตุออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้คนโกงบ้านกินเมืองกลับประเทศ
นับเป็นการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่รัฐบาลลุงตู่กำลังสาละวนอยู่กับการแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง ชนิดที่ฝ่ายการเมืองทั้งในและนอกสภาจ้องหาจุดบกพร่องรุมกระหน่ำทำลายความเชื่อมั่น
นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา และพวก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรียกร้อง ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก เพื่อตั้งรัฐบาลสร้างชาติ
นอกจากกลุ่มไม่กลัวเชื้อ อย่าง พวกสายฮาร์ดคอร์คนรุ่นใหม่ออกมาเย้วๆ”ช่วยเพื่อนเรา”หน้าศาลอาญาอยู่เป็นระยะๆ ช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามัคคีประชาชนที่มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ เป็นผู้ก่อตั้ง โดยเปิดเวทีอภิปราย ไทยไม่ทน ขับเคลื่อนขยายแนวคิดไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ อันเป็นแนวคิดเดียวกันกับ กลุ่มประชาชนคนไทย ที่ออกมาแถลงข่าวเมื่อเร็วๆนี้เช่นกัน
ไม่แปลกที่ภิภพ ธงไชย อดีตพธม. ซึ่งเข้าร่วมกับกลุ่มไทยไม่ทน ออกมาสนับสนุนแนวคิดของกลุ่มประชาชนคนไทย ที่มี “ทนายนกเขา” เป็นตัวตั้งตัวตี
ภิภพ โพสต์ข้อความผ่านเพจเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 64 เนื้อหาตอนหนึ่ง ระบุว่า “….นับเป็นข้อเสนอของ “กลุ่มประชาชนคนไทย” ที่แตกต่างจากข้อเสนอของกลุ่มพลังทางการเมืองที่อิสระกลุ่มอื่นๆ กลุ่มอื่นๆนั้นเพียงเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือยุบสภา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำไปสู่ “การสร้างชาติ” ได้ เพราะจะไปตกอยู่ภายใต้วังวนทางการเมืองแบบเก่า การมี “รัฐบาลสร้างชาติ” ที่ไม่ได้มาจากนักการเมือง ที่ล้วนเป็นนักเลือกตั้ง หรือมาจากการรัฐประหาร เคยมีปรากฎการณ์ในทางการเมืองของบ้านเรา ๓ ครั้ง ในรอบ ๕๐ ปี คือ ๑. สมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ๒. สมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ๓. สมัยนายอานันท์ ปันยารชุน… “
การปลุกกระแส ขอให้นายกฯลาออกตั้งรัฐบาลสร้างชาติจะไปได้ไกลแค่ไหน มองทางยุทธวิธี เป็นไปในลักษณะ แยกกันเดินร่วมกันตีด้วยเป้าหมายเดียวกัน เขย่าเก้าอี้นายกฯ
แต่อย่าลืมว่า ในจังหวะที่มีขบวนการคนรุ่นใหม่ต้องการไล่นายกฯ แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่มีเป้าหมายใหญ่กว่านั้นคือการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงนี้ไม่สามารถที่จะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับขบวนการภาคประชาชนคนรุ่นเก่า
เมื่อดูจากประเด็นข้อเรียกร้อง ขอให้ รัฐบาลสร้างชาติทำภารกิจ 4 เรื่องหลัก คือ 1. แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวโดยเร็ว หลังไวรัสโคโรน่าชลอตัว 2. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ กันใหม่ เพื่อยุติความแตกแยกในชาติ 3. แก้ไขปัญหาความแตกแยกในสังคม ที่เริ่มแตกแยกลึกลงไป ลึกลงไป 4 . จัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม จัดสร้างรัฐบาลประชาธิปไตยแบบประชาชนมีส่วนร่วม
นับเป็น 4 ข้อที่อาจดูดี สำหรับ รัฐบาลสร้างชาติทำภารกิจให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี แต่โดยสภาพความเป็นจริงทางการเมือง ย่อมเจอคำถามตัวโตๆ การจะไปถึงขั้นนั้น ต้องได้มาซึ่งนายกฯคนนอกก่อน
การที่กลุ่มคนหน้าเดิมเสนอว่า ให้ใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ด้วยการใช้เสียงของส.ส.และสว. ในการเสนอชื่อคนนอกเข้ามารับตำแหน่ง
….ประเด็นนี้ ไม่ง่ายเลย….
จริงอยู่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เปิดช่องทางให้มี”นายกฯคนนอก” ได้ แต่จะเกิดขึ้นต่อเมื่อสถานการณ์ในสภา ไม่อาจตั้งนายกฯจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้ได้ ถึงตอนนั้น เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา ทั้งส.ส.และสว. อาจรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งหรือ 376 คน จาก 750 คน เพื่อเสนอเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ และหากรัฐสภาซึ่งประกอบด้วย ส.ส. และสว.ลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 500 คน จาก 750 คน ก็สามารถเชิญใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้
หากต้องการกดดันให้ใช้กลไกในสภาเพื่อหานายกฯคนนอก ตามที่กลุ่มมวลชนหน้าเดิม กำลังต้องการ ต้องถามก่อนว่า กลไกในสภาขณะนี้ มีความเห็นพ้องต้องกันเป็นเนื้อเดียวหรือไม่
ตอบได้ทันทีว่า …ไม่ ….
อีกอย่างเพลานี้ ส.ส.ทั้งในพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคกับพรรคฝ่ายค้านต่างหมายมั่นที่จะแก้รธน. มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจสว.ในการมีบทบาทเลือกนายกฯ มิใช่หรือ
ฉะนั้น การออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ใช้มาตรา 272 เพลานี้ ก็ยิ่งเป็นเสียงเรียกร้องระดับเลื่อนลอย