เมื่อวันที่ 17 พ.ค. พลเอกพิศณุ พุทธวงศ์ อดีตหัวหน้าสำนักงานพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน อ้างถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้เกียรติเข้าไปติดตามโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้เพื่อนำไปเผยแพร่ในรายการโทรทัศน์ว่า กิจกรรมในโครงการดังกล่าวอนุญาตให้ทุกสื่อเข้าไปติดตามนำเสนอข่าวได้โดยอิสระ ไม่ใช่เจาะจงให้ใครมาถ่ายทำเพื่อนำเสนอเป็นการเฉพาะ และเท่าที่จำได้นายประสิทธิ์ เคยเข้ามาพบตนพร้อมกับผู้ผลิตรายการในสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แต่ตอนหลังผู้ผลิตรายการคนนั้นก็มาบอกตนว่าไม่ได้ทำรายการนี้กับนายประสิทธิ์ เพราะพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ไม่น่าไว้วางใจ
พลเอกพิศณุ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นนายประสิทธิ์ยังเคยมาพบตนที่สำนักงานฯ ภายในบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อขอเข้าพบพลเอกเปรม โดยมาเล่าว่าตัวเขาเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกระบี่ที่ประสบความสำเร็จ และอยากจะทำโครงการที่ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตนจึงได้ตรวจสอบข้อมูลไปที่นายทรงพล สวาดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในขณะนั้น แต่อดีตท่านผู้ว่าฯ ก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ จึงได้รับข้อมูลว่านายประสิทธิ์เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่น่าไว้วางใจ ตนจึงไม่อนุญาตเข้าพบ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะได้มาอวยพรในวาระต่างๆ หรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ไม่ใช่มีแค่นายประสิทธิ์ แต่หลายคนที่อยากจะเข้าพบ เพื่อต้องการนำภาพไปแอบอ้างหรือหาประโยชน์ แต่ก็พยายามตรวจสอบข้อมูล
ขณะที่แหล่งข่าวจากกองทัพบก เปิดเผยว่า สำหรับกรณีพ.ต.แพทย์หญิง อมราภรณ์ วิเศษสุข สังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ช่วยราชการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ที่ถูกหมายจับศาลอาญาในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ได้เข้าไปร่วมในธุรกิจนี้ประมาณ 2 ปีกว่า โดยการชักชวนจากญาติ และเพื่อนที่รู้จัก รวมทั้งชักชวนให้เข้าไปเป็นผู้บริหารทำโครงการเกี่ยวกับหมอเที่ยวไทย ลักษณะเป็นการขายทัวร์ โดยระหว่างการทำธุรกิจไม่ได้ใช้ยศทางทหาร หรือนำกองทัพไปแอบอ้าง นอกจากนี้บริษัทยังบริจาคทุนการศึกษาทุนละ 1 หมื่นบาทให้กับโรงเรียนในพื้นที่ในปีการศึกษาที่ผ่านมา ทั้งนี้จ.นครราชสีมา ยังไม่มีผู้เสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว