นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า 3 แกนนำกลุ่มราษฎรชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 เรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองนั้นว่า คำวินิจฉัยของศาลที่ออกมานั้นผูกพันทุกองค์กร แต่ไม่ผูกพันกับทุกคน การที่จะไปอ้างว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนมีความผิดด้วยหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจจะต้องไปสืบสวนสอบสวนว่ามีคนในพรรคการเมืองนั้น ๆ ให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร จากนั้นนำสำนวนพยานหลักฐานยื่นให้อัยการส่งฟ้องศาลอาญา หากพบความผิดจริงก็จะต้องถูกลงโทษทางคดีอาญาก่อน หากบุคคลนั้นมีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง ซึ่งถ้าจะร้องยุบพรรคการเมืองก็สามารถนำเรื่องนี้ไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไปได้ ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานที่ชัดแจ้ง และศาลต้องใช้วิจารณญาณให้ดี
เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ส.พรรคก้าวไกลไปประกันตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112 นั้น จะนำไปสู่ความเชื่อมโยงสนับสนุนการล้มล้างการปกครองได้หรือไม่ นพ.ระวี กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจว่าการที่ส.ส.ไปช่วยประกันตัว จะสามารถเอาผิดถึงขั้นยื่นยุบพรรคได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาจากกรณีการชุมนุมต่างๆก็มีส.ส.นำตำแหน่งไปช่วยกันประกันตัวเช่นกัน
เมื่อถามว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วทางกลุ่มเยาวชนปลดแอกขู่ว่าจะมีการชุมนุมจนถึงขั้นนองเลือด นพ.ระวี กล่าวว่า ตนเชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงจัดการได้ อาจมีความวุ่นวายส่วนหนึ่ง เพราะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่มาก แต่ในที่สุดก็จัดการได้ ทั้งนี้การที่ม็อบจะเติบโตได้ ต้องมีความชอบธรรมและประชาชนต้องสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามถึงกรณีที่มีบางสื่อบางช่องตัดตอนคำวินิจฉัยของศาล อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ จนอาจเกิดเหตุความรุนแรงบานปลาย นพ.ระวี กล่าวว่า 23 องค์กรนิสิตนักศึกษาออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นสิทธิ์ แต่หากมีการบิดเบือนก็จะผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทางเจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดำเนินการจัดการได้ ตอนแรกเยาวชนอาจเชื่อไปกันก่อนแล้ว แต่เมื่อเป็นเฟคนิวส์เรื่องก็จะค่อย ๆ หายไปเอง