วันที่ 10 พ.ย. 2564 จากกรณีที่เหตุยิงกันตายยกครัว 4 ศพ เวลาประมาณ 14.40 น. 10 พ.ย.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้ง ทางโทรศัพท์ จากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน กลางเมือง เดอะปารีส กรุงเทพ-กรีฑา ซ.7 แยก10 ว่าเกิดเหตุเหตุทะเลาะวิวาท ภายในครอบครัว และมีเสียงดังคล้ายเสียงปืน ดังขึ้นจำนวน หลายครั้ง โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตจำนวน 4 คน ประกอบดด้วย 1.นาย ธวัชชัย ทองอ่อน หรือ “ส.จ.ดำ” อดีตสมาชิกภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชและประธานสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างปี 2547-2551 ,2. น.ส.พัชรณัฎฐ์ สังข์ประไพ ภรรยา นายธวัชชัย 3. ด.ญ. วิสาขะ ทองอ่อน อายุ 13 ปี ลูกสาว คนโต 4. ด.ญ.ภัททิยะ ทองอ่อน อายุ 11 ปี ลูกสาว คนเล็ก ซึ่งคาดว่านายธวัชชัย เครียดจัดก่อเหตุยิงลูกเมียและยิงตัวตายตาม
ส่วนประวัติของนายธวัชชัย ผู้ต้องหา เคยเป็นอดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (เขต อ.ฉวาง ) และเคยดำรงตำแหน่งประธานสภา อบจ.นครศรีธรรมราช ระหว่างปี 2547-2551 คนพื้นที่รู้จักในชื่อ “ส.จ.ดำ” หลังจากนั้นพ่ายการเลือกตั้งและวางมือทางการเมือง ย้ายครอบครัวขึ้นไปอยู่กรุงเทพมหานคร และเปิดบริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาเกี่ยวกับครุภัณฑ์ทางการศึกษา และเข้าร่วมกับ นาย สุเทพ เทือกสุวรรณ,นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ เคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม กปปส. จนกระทั้งมีการปฏิวัติรัฐประกหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 สำหรับคดีที่ถูกศาลออกหมายจับและถูกจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2559 นายธวัชชัย ได้ชักชวนผู้เสียหายรายหนึ่งมาร่วมทุนทำธุรกิจด้วยกัน โดยอ้างว่าบริษัทของตนเองได้ชนะการประมูลรับเหมาจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ(สพฐ) ที่จะนำไปแจกจ่ายตามโรงเรียนต่าง ๆ กว่า 2,500 โรงเรียน ในวงเงินประมูล เครื่องละ 100,000 บาท รวมวงเงินทั้งหมด 250,000,000 บาท ซึ่งนายธวัชชัย ยังอ้างว่าตนเองสามารถจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารได้ในราคาถูก และจะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาเครื่องเอกสารตกเครื่องละ 19,445 บาท คิดเป็นเงินกำไรรวมกว่า 48 ล้านบาท พร้อมกับนำเอกสารที่อ้างว่าได้รับมาจาก สพฐ. สำนักงบประมาณ เอกสารใบเสนอราคา และใบสั่งซื้อมาแสดงให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จนผู้เสียหายรายดังกล่าวหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นเงิน 15 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายได้มาทราบในภายหลังว่าบริษัทของนายธวัชชัย ไม่ได้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าว จึงพยายามทวงถามขอเงินลงทุนกลับคืน ก่อนที่นายธวัชชัย จะคืนเงินลงทุนเป็นเช็คเงินสด แต่เมื่อผู้เสียหายนำไปขึ้นเงินกลับพบว่าเช็คดังกล่าวไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงเข้าแจ้งความกับ สน.หัวหมาก กระทั่งออกหมายจับดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด ในการสอบสวนหลังถูกจับกุม นายธวัชชัย ให้การภาคเสธ โดยรับว่าได้นำเงินของผู้เสียหายมาลงทุนจริง กระทั่งเมื่อบริษัทของตนไม่ชนะการประมูลจึงได้คืนเงินผ่านเป็นเช็คโดยไม่ทราบว่าเช็คนั้นไม่สามารถขึ้นเงินได้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติของนายธวัชชัย พบว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ป. จับกุมตัวมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในคดีฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารราชการ นอกจากนี้นายธวัชชัย ถูกจับกุมอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ต.เอกรณการ นาคนิยม สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุมนายธวัชชัย ทองอ่อน ชาว จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2464/61 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 ข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม-ฉ้อโกง จับกุมตัวได้ที่บริเวณภายในห้างแม็คโคร สาขาบางกะปิ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงประมาณเดือนมิถุนายน ปี 2560 นายธวัชชัย หรือ ส.จ.ดำ อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ได้ก่อเหตุหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง โดยการอ้างว่าสามารถดำเนินการให้ผู้เสียหายได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างโครงการงบอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักทีมงานเลขาฯกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยจะประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบลที่ได้รับงบจัดซื้อจัดจ้าง แต่มีข้อแม้ว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้จะต้องยอมจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการดังกล่าวจำนวนกว่า 29 ล้านบาท ด้วยความที่เห็นว่านายธวัชชัยเคยมีตำแหน่งการเมืองท้องถิ่นและมีการนำเอกสารราชการเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมามาให้ผู้เสียหายดู จึงหลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้กับนายธวัชชัย ตามที่ร้องขอ แต่ต่อมาผู้เสียหายกลุ่มนี้ได้ทำการตรวจสอบไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงทราบว่าไม่มีโครงการดังกล่าวตามที่นายธวัชชัยอ้างจริง ซึ่งเอกสารราชการโครงการดังกล่าวที่นายธวัชชัยนำมามอบให้ผู้เสียหายนั้นเป็นเอกสารที่นายธวัชชัยทำปลอมขึ้นมาเพื่อตบตา ทางผู้เสียหายกลุ่มนี้จึงได้รวมตัวกันมาเข้าร้องเรียนกับทางกองปราบฯ จนมีการออกหมายจับดังกล่าว และถูกบุกจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการสอบสวน นายธวัชชัยยังคงให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าโครงการดังกล่าวมีจริง และตนเองก็ไม่ได้หลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหาย ซึ่งเรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ประสานส่งตัวฝากขังยังศาลอาญา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ค “ธวัชชัย ทองอ่อน”