สำนักข่าวต่างประเทศต่างให้ความสนใจรายงานข่าวคดีของนายนากาเอ็นทรัน ธัมมาลิงกัม ผู้ต้องหาคดียาเสพติดวัย 33 ปีชาวมาเลเซีย ที่ถูกศาลสิงคโปร์ตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ โดยมีกำหนดจะแขวนคอในวันนี้ แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลสูงสิงคโปร์ได้มีคำสั่งให้เลื่อนการประหารชีวิตออกไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มีการอุทธรณ์ และเมื่อวานนี้ศาลอุทธรณ์สิงคโปร์ก็สั่งระงับการแขวนคอเป็นชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่านักโทษติดโควิด
นากาเอ็นทรัน ได้ลักลอบขนเฮโรอีน หนัก 43 กรัมจากมาเลเซียเข้ามาในสิงคโปร์ เมื่อปี 2009 โดยเขาซุกซ่อนเฮโรอีนด้วยการมัดไว้กับน่องขาข้างซ้าย ตอนนั้น เขาอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น
ตามกฎหมายสิงคโปร์แล้ว บุคคลที่ครอบครองเฮโรอีนหนักกว่า 15 กรัม จะถูกตัดสินประหารชีวิต
นากาเอ็นทรันโต้แย้งในชั้นศาลว่า เขาถูกล่อลวงให้ลักลอบขนยาเสพติด และยอมรับว่า ทำไปก็เพื่อเงิน แต่ศาลชี้ว่า คำให้การของเขาเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวกลายเป็นที่ถกเถียงเนื่องจากนายนากาเอ็นทรันถือเป็นผู้พิการทางสมอง เพราะมีไอคิวเพียง 69 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ การประหารชีวิตผู้พิการถือว่าขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญสิงคโปร์ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั่วโลกต่างออกมาประนามว่าคำพิพากษาประหารชีวิตผู้พิการเป็นสิ่งที่โหดร้ายทารุณ ขณะที่สหภาพยุโรปออกมาเรียกร้องให้สิงคโปร์ลดโทษลง และก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาค๊อบ ของมาเลเซียก็ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังผู้นำสิงคโปร์ขอให้เลื่อนการประหารออกไปก่อนภายใต้หลักมนุษยธรรม ขณะที่ชาวมาเลเซียกว่า 6 หมื่นคนออกมาช่วยกันเขียนคำร้องไปยังผู้นำสิงคโปร์ให้ทบทวนคำพิพากษาเช่นกัน
