รอยเตอร์สและ BBC รายงานว่าบริษัทแอร์บัสได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 28 พย.) ตามเวลาท้องถิ่นโดยมีคำสั่งเรียกคืนเครื่องบินรุ่น A320 โดยทันทีภายใต้คำประกาศฉุกเฉินของสำนักงานความปลอดภัยการบินอียู ซึ่งส่งผลกระทบต่อเครื่องบินจำนวนกว่า 6 พันลำจากทั้งสิ้น 11,300 ลำทั่วโลก โดยให้เรียกกลับศูนย์ซ่อมเพื่อทำการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ให้กลับไปใช้เวอร์ชั่นก่อนหน้า ถือเป็นการเรียกคืนเครื่องบินของแอร์บัสครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 55 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง
การเรียกคืน A320 ครั้งใหญ่มีขึ้นหลังเหตุการณ์เที่ยวบินของสายการบินเจ็ตบลู ของสหรัฐประสบเหตุขัดข้อง เครื่องบินลดระดับเพดานแบบฉับพลันระหว่างบินจากเม็กซิโกไปรัฐนิวเจอร์ซีของสหรัฐ ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บจำนวนมาก และนักบินต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน ซึ่งผลสอบสวนชี้ว่าเกิดจากรังสีดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบต่อระบบข้อมูลสำคัญที่ควบคุมระบบการบิน
การเรียกคืน A320 ทั่วโลกส่งผลกระทบสายการบินทั่วโลกที่ส่วนใหญ่ลดการใช้โบอิ้งและหันมาพึ่งแอร์บัสแทน โดยเฉพาะ 4 สายการบินหลักของสหรัฐ รวมทั้งอเมริกันแอร์ไลน์, เดลต้าแอร์ไลน์ส, เจ็ทบลูและยูไนเต็ดแอร์ไลน์ นอกจากนี้ยังมีสายการบินจีน, ยุโรปและอินเดียที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ ทั้งนี้อเมริกันแอร์ไลน์เผยว่าจะต้องส่งเครื่องเข้าซ่อม 340 ลำ นอกจากนี้ยังลุฟทันซ่าของเยอรมนี, อินดิโกของอินเดีย, อิซี่เจ็ตทของอังกฤษ ขณะที่ ANA สายการบินใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินถึง 65 เที่ยวในวันนี้ (เสาร์ที่ 29 พย.)แอร์ฟรานซ์ยกเลิก 35 เที่ยวบิน, แอร์นิวซีแลนด์เตือนการยกเลิกเพิ่ม, สายการบินเอเวียนก้าของโคลอมเบียต้องปิดขายตั๋วจนถึงต้นเดือนหน้าเนื่องจากกระทบ 70% ของเที่ยวบิน
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้การเรียกคืนเพื่อซ่อมแซมจะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง แต่การเรียกคืนเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ท่องเที่ยวสำคัญของสหรัฐ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ขณะที่คิวซ่อมแซมเครื่องบินก็งานล้นอยู่แล้ว ประกอบกับการขาดแคลนแรงงานและโรงซ่อมอาจมีพื้นที่ไม่พอรองรับเครื่องบินจำนวนมาก ทำให้การซ่อมแซมอาจกินเวลานานกว่าที่คาด พร้อมเตือนให้ผู้โดยสารทั่วโลกเตรียมพร้อมรับการดีเลย์หรือการยกเลิกเที่ยวบิน
