ชาวนาพิจิตรยังระทมไม่หยุดเหตุโรงสี-ท่าข้าว ขาดเงินหมุนเวียน ส่งผลกลายเป็นเรื่องซื้อข้าวแล้วไม่มีเงินจ่าย ล่าสุดชาวนาตะพานหิน 14 ราย ร้องทุกข์ศูนย์ดำรงธรรม ผู้ว่าฯพิจิตร สั่งด่วนตั้งทีมงานเปิดข้อกฎหมายดำเนินคดีถกเดือดในที่ประชุมใบอนุญาตสถานประกอบการท่าข้าวกับพ่อค้ารับซื้อข้าวกลายเป็นคนละคนกันถามหานโยบายเตือนชาวนาต้องขายช้าวแล้วได้เงินสดเท่านั้น ตัวแทนชมรมโรงสีตอบชัดในที่ประชุมถึงเป็นโรงสีก็ต้องขอเวลา 3-5 วัน จึงพร้อมจ่ายเงิน ทำให้ในที่ประชุมต้องอึ้ง สรุปซื้อขายเงินสดไม่มีจริง สหกรณ์จังหวัดโต้ตอบชี้มีสหกรณ์ฯ 9 แห่ง ซื้อ-ขายเงินสด แถมมีโปรชะลอการขายจ่ายเพิ่มอีก500บาท/ตัน

ล่าสุดวันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร, นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าฯ พิจิตร, พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล รองผู้อำนวยการ รมน.จังหวัดพิจิตร (ทหาร) , นาย ประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สนง.อัยการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายฯจังหวัดพิจิตร , นายสามารถ เดชบุญ เกษตรจังหวัดพิจิตร , นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร , นายกฤษฏิ์ สิทธิยศ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) รักษาราชการแทน นายอำเภอตะพานหิน พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนชาวนาตะพานหิน ที่ร้องทุกข์ว่าขายข้าวให้กับท่าข้าว “เจ๊ปลา” นามสมมุติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.วังหว้า อ.ตะพานหิน ที่รับซื้อข้าวชาวนากลุ่มนี้ไปตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ 2568 แล้วบิดพลิ้วไม่ชำระค่าข้าวเปลือกของชาวนาทั้งหมด แต่ทยอยจ่ายรายละ 10,000-30,000 บาท อีกทั้งมีชาวนาบางรายยังไม่ได้เงินเลยก็มี พอชาวนารวมตัวจะไปแจ้งความ “เจ๊ปลา” ก็จะมาเจรจาแล้วหยอดเงินให้คราวละ 10,000-20,000 บาท จึงทำให้ชาวนาเดือดร้อน

ผู้ว่าฯพิจิตร จึงสั่งการให้ระดมผู้ที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายและผู้ปฏิบัติงานจากหลายหน่วยงานรวมแล้วเกือบ 30 คน เพื่อจะบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีอาญา-คดีแพ่ง กับ “เจ๊ปลา” และท่าข้าวที่ใช้เป็นจุดรับซื้อข้าวจากชาวนากลุ่มนี้ ซึ่งก็พบว่ามีกรรมวิธีการดำเนินการที่สลับซับซ้อนพอควร แต่ด้วยจังหวัดพิจิตร เจอขบวนการโกงชาวนามาในทุกรูปแบบแล้วจึงมีโมเดลในการเอาผิด โรงสี-ท่าข้าว ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้ไม่ยากนัก ในที่ประชุมมีชาวนา 2 ราย รายงานในที่ประชุมว่าช่วงเช้าก่อนที่จะมาประชุม “เจ๊ปลา”ได้โอนเงินจ่ายค่าข้าวเปลือกให้กับ 2 แกนนำอีกด้วย ในที่ประชุมมีการสอบถามว่าจากนโยบายของท่านผู้ว่าฯพิจิตร ที่รณรงค์บอกกับชาวนาว่าวิธีแก้กลโกงของ โรงสี-ท่าข้าว คือต้องซื้อ-ขาย จ่ายเงินสดเท่านั้น ในที่ประชุมสื่อมวลชนจึงได้ถามว่าแหล่งรับซื้อข้าวจากชาวนามีที่ไหนซื้อด้วยเงินสดบ้างขอให้เปิดรายชื่อและที่ตั้งของท่าข้าว-โรงสี เพื่อสื่อมวลชนจะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้รับรู้และนำข้าวไปขาย คำถามนี้จี้ถามไปที่ประธานชมรมโรงสีข้าวพิจิตร ซึ่งก็ตอบยอมรับว่าถึงแม้จะเป็นโรงสีขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ ก็คงต้องขอเวลา 3-5 วัน ในการชำระเงิน จึงกลายเป็นว่า “โรงสี-ท่าข้าว พิจิตรบางแห่งไม่สามารถซื้อข้าวจากชาวนาแล้วจ่ายเงินสดได้จริง”

จากนั้น นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร ก็ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชนว่า จุดรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาที่นำมาขายแล้วจ่ายเงินสดในช่วงนี้มีสหกรณ์ฯ เพียง 9 แห่ง คือ 1. สหกรณ์การเกษตร เมืองพิจิตร จำกัด 2. สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธกส. จำกัด (ใช้สถานที่เอกชน ) 3. ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรพิจิตร จำกัด 4. สหกรณ์การเกษตรตะพานหิน จำกัด 5. สหกรณ์การเกษตรบางมูลนาก จำกัด 6. สหกรณ์การเกษตรทับคล้อ จำกัด 7. สหกรณ์ชาวนา วชิรบารมี 8. สหกรณ์การเกษตรสามง่าม จำกัด 9. สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินสามง่าม1 จำกัด

ซึ่งรับซื้อข้าวจากเกษตรกรชาวนาที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวกับ สนง.เกษตรฯ โดยจ่ายเงินสด อีกทั้ง สหกรณ์ทั้ง 9 แห่งนี้ ก็เข้าร่วมโครงการชะลอการขายของรัฐบาล ซึ่งชาวนาจะได้เงินเพิ่มอีก 500 บาท ภายหลังจากที่ขายแล้วได้เงินสดของราคาข้าวเปลือกในราคาท้องตลาด แต่เงินอีก 500 บาท ดังกล่าวต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะได้เพิ่มขึ้นอีก 500 บาท
นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากโครงการชะลอการขายแล้วได้เงินเพิ่ม 500 บาท นี้เอง จึงทำให้มีโรงสี-ท่าข้าว ใช้เป็นข้ออ้างกลลวงชาวนาว่าถ้าไม่รับเงินสดทั้งหมดตอนส่งมอบข้าวหรือรับเงินบางส่วนก็จะได้เงินเพิ่มอีกตันละ 500 บาท ซึ่งวิธีการดังกล่าวหากชาวนาหลงเชื่อก็อาจถูกหลอกลวงได้ ดังนั้นจึงยืนยันว่าถ้าอยากขายข้าวเปลือกแล้วได้เงินสดก็มีสหกรณ์ทั้ง 9 แห่ง ให้เป็นทางเลือก แต่ท่าข้าวที่ซื้อขายจ่ายเงินสดก็ยังมีอีกหลายแห่ง
ซึ่งล่าสุด นายกิติพล เวชกุล รองฯ ผู้ว่าพิจิตร และคณะ ซึ่งหลังจากประชุมในช่วงเช้าเสร็จสิ้น ในช่วงบ่ายก็ลงไปที่จุดรับซื้อข้าวของ หจก.ทุ่งโพธิ์พืชผล ต.ทุ่งโพธิ์ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ซึ่งเปิดรับซื้อข้าวหอมมะลิอย่างเดียวในราคาตันละ 13,000 บาท ความชื้น 15% ส่วนข้าวเกี่ยวสดความชื้นไม่เกิน 25% ก็รับซื้ออยู่ที่ตันละ 12,000 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสดก็ยังมีอีกด้วยเช่นกัน





