AP และ AFP รายงานว่าระหว่างร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่มาเลเซียเมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 1 พย.) พีธ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐกล่าวว่าสหรัฐรู้สึกกังวลกับสิ่งที่เขาเรียกว่าการกระทำที่ก้าวร้าวของจีนในทะเลจีนใต้ซึ่งเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พร้อมอ้างถึงเหตุที่จีนใช้เรือพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์และมีการฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่
ทะเลจีนใต้ถือเป็นหนึ่งในชนวนความขัดแย้งและอ่อนไหวที่สุดในเอเชีย โดยจีนอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ขณะที่หลายชาติอาเซียนรวมทั้ง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ก็อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ชายฝั่งเช่นกัน แต่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ มักเกิดการปะทะกับกองเรือจีนขึ้นบ่อยครั้ง
ฟิลิปปินส์มักเรียกร้องอาเซียนให้ใช้มาตรการตอบโต้ แต่อาเซียนจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเนื่องจากต้องการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอาเซียน
ทั้งนี้เฮกเซธวิจารณ์คำประกาศล่าสุดของจีนเกี่ยวกับหมู่เกาะสการ์โบโรห์ ว่าเป็น “เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ” แต่จีนกลับมีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเฮกเซธกล่าวว่าเป็นความพยายามที่จะอ้างสิทธิ์และขยายดินแดนทางทะเลของจีน ซึ่งถือเป็นการคุกคามอธิปไตยในภูมิภาค
เฮกเซธกล่าวว่าแม้สหรัฐจะเดินหน้าเจรจาในเรื่องต่างๆกับจีน แต่สหรัฐจะติดตามการกระทำของจีนอย่างใกล้ชิดและว่าการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้อย่างกว้างขวางสวนทางกับคำมั่นของจีนที่บอกว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ
เฮกเซธเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังร่วมกันและหามาตรการตอบรับอย่างรวดเร็วเพื่อยับยั้งการกระทำของจีนในทะเลจีนใต้และว่าเขายินดีกับแผนซ้อมรบระหว่างอาเซียนกับสหรัฐในเดือนธันวาคมนี้ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและอธิปไตยของทุกประเทศ พร้อมกันนี้ก็ยังเสนอที่จะแบ่งปันเครื่องมือและเทคโนโลยีกับอาเซียนในการรับมือกับจีนในทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ตามจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐ พร้อมกล่าวหากลับว่าสหรัฐแทรกแซงกิจการในภูมิภาคและสร้างความตึงเครียดด้วยการเข้ามาตั้งฐานทัพในเอเชีย พร้อมประกาศว่าการลาดตระเวนและกิจกรรมการก่อสร้างของจีนในทะเลจีนใต้เป็นไปตามกฎหมายและมีเป้าหมายเพื่อรักษาความมั่นคงในดินแดนของจีน โดยเทียน จุนหลี่ โฆษกกองบัญชาการทหารฝ่ายใต้ของกองทัพจีนยังประณามฟิลิปปินส์ว่าเป็น “ผู้ก่อปัญหา” หลังจากฟิลิปปินส์ซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศกับสหรัฐ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ในทะเลจีนใต้เป็นเวลา 2 วันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างรุนแรง

