ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองจันทบุรี และพื้นที่เกษตรกรรมสวนผลไม้ของชาวบ้าน เมื่อน้ำลดลงสู่สภาวะปกติแล้วสิ่งที่เหลือไว้คือร่องรอยของความเสียหายความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างเช่นชาวสวนทุเรียน โดยในวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของชาวสวนทุเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลเข้าท่วมสวนทุเรียนทำให้ ทำให้ต้นทุเรียนที่ถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลามากกว่า 3 วันได้รับความเสียหายใบร่วงกำลังจะแห้งตาย อย่างเช่นสวนของ
นายสรศักดิ์ ก้องเวหน (สท.นิ่ม) 15/2 หมู่10 บ้านบ่อเจริญ ต.บ่อ ทุเรียนเสียหายไปกว่า 20 ต้น ขณะพาผู้สื่อข่าวเดินสำรวจสวนยังพบว่าเวลาผ่านไปหลายวันพื้นดินยังคงชุ่มไปด้วยน้ำ ซึ่งลักษณะแบบนี้ต้นทุเรียนโดยเฉพาะพันธุ์หมอนทองจะไม่ชอบเอาเสียเลย และหากเจอสภาวะแบบนี้ก็จะค่อยๆมีอาการใบเหลืองเนื่องจากเชื้อราเข้ามากินลำต้นกินรากของต้นทุเรียน ทำให้ทุเรียนตายลงไปเรื่อยๆ
นายสรศักดิ์ สท.นิ่ม กล่าวทั้งน้ำตาว่า ภรรยาของตนเองเดินลงมาเห็นต้นทุเรียนที่ตายแล้วก็เดินร้องไห้ตนเองเห็นแล้วสงสารภรรยามาก เนื่องจากสวนนี้ก็ลงทุนมาเยอะ ตนเองอยู่มาประมาณ 18 ปีแล้วยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน มีแต่เพียงท่วมเล็กน้อย ตนเองรู้สึกเสียดายมากเนื่องจากลงทุนมาเยอะต้องยิ้มทั้งน้ำตา โดยน้ำมาเร็วมากมาแบบทีเดียวเต็มสวนตั้งตัวไม่ทัน ท่วมอยู่ประมาณ 5 วัน เนื่องจากตรงกับน้ำทะเลหนุนด้วย ช่วงนี้ก็ได้แต่ทำใจอย่างเดียว แต่โชคดีต้นทุเรียนอาจจะแค่ทิ้งใบ แล้วก็แตกใบอ่อนขึ้นมาใหม่ แต่โดยสภาพนี้แล้วไม่น่ารอด ต้นทุเรียนของตนเองเมื่อปีที่แล้วได้ต้นละประมาณ 20,000 บาท เสียหายไปทั้งหมดประมาณ 20 กว่าต้น คิดเป็นเงินแล้วคร่าวๆ ประมาณ 400,000 บาท ถ้าคิดแค่กิโลละ 100 บาท
โดยปีนี้คิดไว้ว่าจะทำรูปให้ออกเยอะๆ แต่ก็มาเจอปัญหานี้ซะก่อน และสุดท้ายอยากฝากบอกถึงเพื่อนเพื่อนชาวสวนที่เจอปัญหาเดียวกับตนเองว่าให้สู้กันต่อไปเพราะว่ามันเป็นภัยของธรรมชาติหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนเห็นชาวสวนทุเรียนได้เงินเยอะ แต่จริงๆแล้วการดูแลการปลูกยากมากต้องประคบประหงมเป็นอย่างดีเหมือนกับคนมีลูกอ่อนกว่าจะได้เงินมามันยากมาก และนี่คือน้ำตาของชาวสวนในอำเภอขลุงจันทบุรี
สมเศียร โชติสนิท ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ประจำจังหวัดจันทบุรี