จากกรณีที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.อรัญประเทศ และ ฉก.12 ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ โดยมีผู้นำท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ให้การต้อนรับ รวมถึงตัวแทนแกนนำมวลชนบ้านหนองจาน เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่ศาลาประชาคมของหมู่ 3 บ้านหนองจาน เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

โดยการเดินทางลงพื้นที่บ้านหนองจาน ของผู้ว่าฯ สระแก้วครั้งนี้ เพื่อพบปะพูดคุยกับประชาชนบ้านหนองจาน หนองญ้าแก้ว และชาว อ.โคกสูง กรณีปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำดินแดนอธิปไตยไทยมานานกว่า 40 ปี โดยทางจังหวัดสระแก้วได้ขีดเส้นตายให้ชาวกัมพูชา ออกจากพื้นที่รุกล้ำ ภายในวันที่ 10 ต.ค.68 หลังจากนั้น จะมีการดำเนินการตามกฎหมายไทย โดยเฉพาะ พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

ขณะที่นายปริญญา ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวถึงที่มาของเดดไลน์วันที่ 10 ต.ค. 68 ว่า สืบเนื่องจาก พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปประชุม GBC ที่เกาะกง ซึ่งนำมาสู่การเจรจาระหว่างผู้ว่าราชการของทั้งสองประเทศ ตนจึงเดินทางไปพบผู้ว่าฯ ของกัมพูชา เมื่อ 10 ก.ย. 68 ซึ่งเราได้ยื่นข้อเสนอไป 8 ข้อ โดย 1 ใน 8 ข้อ นั้นคือการกำหนดวันที่ 10 ต.ค.68 สาเหตุเพราะครบรอบการเจรจา 1 เดือน แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้รับข้อเสนอ

ตนได้ยืนยันว่า ชาวกัมพูชาต้องออกจากพื้นที่อธิปไตยของไทย ภายในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ หรือต้องส่งแผนการอพยพเข้ามา เพราะวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะต้องรายงานให้กับที่ประชุม GBC แต่ฝ่ายกัมพูชานั้นไม่ได้ส่งแผนอพยพเข้ามาให้แต่อย่างใด ซึ่งตนก็ยื่นคำขาดว่าอย่างไรก็ต้องออก แต่จะออกอย่างไรนั้นเป็นเรื่องของความมั่นคง ตอนนี้ปัญหาบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ไม่ใช่ระดับจังหวัดแล้ว ถูกยกไปเป็นปัญหาระดับชาติแล้ว และคิดว่าวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กัมพูชาจะนำคณะ IOT เข้ามาสังเกตการณ์ นี่ คือที่มาที่ไปของวันที่ 10 ตุลาคม แต่ไม่ได้หมายความว่าวันที่ 10 เราจะเอามันอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าจะเอารถไถไปไถเลย

ผู้ว่าฯ สระแก้ว กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าการที่เราขีดเส้นวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลงไม้ลงมือ แต่วันที่ 10 ตุลาคม หมายถึงหมดเวลาที่จะต้องคุยกับกัมพูชา และทางกองทัพก็เช่นกันก็หมดเวลาคุยกันแล้ว ซึ่งหลังจากวันที่ 10 ตุลาคม เราจะทำอะไรก็เรื่องของเราแล้ว เพราะเราได้แจ้งเตือนไปแล้ว