เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลอ่างศิลาได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนจำนวน 2 หลังภายในชุมชนบ้านมะเกลือ หมู่ 2 ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งรีบมาตรวจสอบพบไฟกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 42/1 และ 42/2 หมู่ ที่ 2 ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี อย่างรุนแรงจึงได้ฉีดน้ำดับไฟนานกว่า 1 ชั่วโมงไฟจึงสงบมรบ้านที่ถูกไฟไหม้วอด 2 หลังเหลือแต่ซากตอตะโก
จากการสอบถามนางทิพวรรณ ชัยมี อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.อ่างศิลา เปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุมีอาการเสพยาจนหลอนทำให้ก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านซึ่งบ้านต้นเหตุก็เป็นบ้านของย่าผู้ก่อเหตุเองจนไฟลุกลามไปไหม้บ้านของชาวบ้านด้วยก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุจะชอบพูดว่าขะจุดแล้วนะจะเผาแล้วนะประจำหลังเสพยาและเสพจนหลอนทุกครั้งตนก็แจ้งตำรวจหลายครั้งตำรวจก็เอามาปล่อยคืนบอกว่าทำอะไรไม่ได้ตนก็งงทำไมตำรวจจับไปแล้วปล่อยตอนนี้มาก่อเหตุทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนใครจะรับผิดชอบแบบนี้
ด้านนางสาวอโนทัย สาครรัตน์ อายุ 44 ปีเจ้าของบ้านเลขที่ 42/2 ที่ถูกไฟไหม้จนวอดอีกหลังเล่าว่าจอนช่วงประมาณ 23.30 น.ตนยังไม่ได้นอนเพราะกำลังนอนเล่นกันยังไม่หลับกฌได้กลิ่นเหมือนมีอะไรไหม้โชยมาเรื่อยๆขนกระทั่งมารู้อีกทีว่าไฟไหม้บ้านไฟได้ลุกไหม้อย่างรุนแรงแล้วและขนของกันออกมาไม่ทันแล้วขึงได้วิ่งหนีเอาแต่ตัวรอดออกมาทุกอย่างถูกไฟไหม้วอดไปกับบ้านจนหมดเพราะแต่ละคนก็ต่างเอาชีวิตรอดไว้ก่อนส่วนผู้ก่อเหตุชอบเสพยาจนหลอนพอเสพยาแล้วก็ชอบจุดไฟเผาอะไรไปเรื่อยและชอบโยนข้าวของใส่บ้านคนอื่นบ้านตนก็เคยโดนปาของใส่หลังคาจนแตกมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเพราะเวลาผู้ก่อเหตุหลอนจะพูดจาเสียงดังโดวยวายจะฆ่าทิ้งให้หมดขนไม่มีใครกล้ายุ่งพอแจ้งตำรวจมาจับได้ไม่กี่วันตำรวจก็ปล่อยกลับบ้านจนชาวบ้านหวาดกลัวกันหมด
ด้านตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุพัฒน์ ชั่นศรี ผู้ก่อเหตุมาที่ สภ.แสนสุขจากการสอบถามผู้ก่อเหตุอ้างว่าไมีได้คั้งใจจุดไฟเผาแต่เป็นอุบัติเหตุที่จนทำให้ไฟไหม้บ้านซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของย่าที่ตนได้มาอาศัยอยู่ตามลำพังพร้อมกับเปิดให้ผู้สื่อข่าวดูใบหน้าที่บอบช้ำและมีเลือดออกหลังจากชาวบ้านรุมทำร้ายก่อนส่งตำรวจเพราะชาวบ้านสุดทนกับพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุและยังบอกว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาและเสพประจำ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เข้าตรวจสอบมูลค่าความเสียหายและสอบสวนผู้ก่อเหตุเพิ่มเติมอีกครั้งเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
วิศาล แสงเจริญ ผู้สื่อข่าว TOPNEWS ประจำจังหวัดชลบุรี
