เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา ภายหลังส.ส.ขี้โกง ได้รู้จักมักจี่กับนักธุรกิจเงินถุง – เงินถัง ก็หวังจะสานต่อสัมพันธ์ ทำมาค้าขายร่วมกันเพื่อขยายความมั่งคั่งร่ำรวย …กระทั่งตัดสินใจเดินหน้าทำธุรกิจน้ำมันปาล์ม โดยเริ่มต้นก่อตั้งบริษัทกันตั้งแต่ปี 2550 ..กิจการครั้งนั้นไปได้สวย (มาก) มีกำไรตอบกลับมหาศาล เม็ดเงินหมุนเวียนในบริษัทเป็นล้าน ทว่าด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกัน หุ้นส่วนจึงไม่เคยเอะใจคิดว่าจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น
จากนักธุรกิจร่วมลงทุน กลายเป็นเพื่อนรัก สานสัมพันธ์ระหว่าง 2 ครอบครัว จนเกิดความผูกพันธ์สนิทสนมกันในเวลาต่อมา …. ไม่นานนักหายนะมาเยือน เพราะหุ้นส่วนคนนี้ สามารถจับพิรุธความผิดปกติของเอกสารต่างๆในบริษัท ซึ่งเมื่อรู้อย่างนั้น ก็ได้แต่อดทนหลับหูหลับตา เสมือนไม่รู้ไม่เห็นว่าอะไรเกิดขึ้น …เหตุผลหลักก็เพราะกลัวในอิทธิพล บารมีของ ส.ส.ขี้โกงคนนี้ ที่มักจะแอบอ้างว่ามีพลังเกินใครตลอดระยะเวลาที่คบหากัน
การยอมปล่อยปละ ละเลย รักษาน้ำใจ บัวไม่ให้ช้ำ – น้ำไม่ใช้ขุ่น ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเค้าเอง เนื่องจาก ส.ส. คนดัง ไม่เคยสำนึก เดินเครื่องโกงเต็มสูบ จนท้ายที่สุด ธุรกิจน้ำมันปาล์ม ในจังหวัดสงขลา รวมไปถึงเงินมูลค่าหลายพันล้านบาท จึงตกเป็นของ ส.ส. ขี้โกง แต่เพียงผู้เดียว …
และแน่นอนว่าถึงแม้คู่กรณี จะคิดทำอะไรตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นตำรวจผู้รักษากฎหมาย ทนายความ หมายรวมเป็นถึงผู้มีอิทธิพลด้านการชี้ผิดชี้ถูกในคดีทุกขั้นตอน กลายไปเป็นพวกของ ส.ส.ขี้โกงคนนี้ทั้งหมด…
เหตุนี้เองการต่อสู้คดีกันจึงมีจุดจบแบบเดาทางได้คือ แพ้กับแพ้ โดยที่ตัวคู่กรณีก็ได้แต่เก็บตัวเงียบ ไม่ได้ไปแพร่งพราย เรื่องนี้กับใครที่ไหน เพราะพูดไปก็มีแต่จะเข้าตัว
10 กว่า ปี ผ่านไป ส.ส. ภาคเหนือ เริ่มเติบโตในแวดวงการเมือง ผลงานเข้าตาจนได้รับการโปรโมท นั่งตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาล กลายเป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างกว้างขวาง หมายรวมไปถึงอำนาจ บารมี ก็ตามติดตัวเป็นเงา…
ถามว่าทุกวันนี้ อดีตหุ้นส่วน ยังอยากจะพยายามเอาเงินของเค้าคืนอีกมั้ย? …แน่นอน เค้ามีความตั้งใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีการเจรจาขอต่อรองอยู่ตลอด แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงด้วยการเอาคำตัดสินทางคดีมาฟาดใส่หน้า ประหนึ่งอยากให้เห็นเต็มสองตาว่า เรื่องที่ผ่านมา “กูไม่ได้โกง”
ที่ไล่เรียงมาให้ฟังทั้งหมดนี้ อยากจะสรุปให้ฟังว่า เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร ส่วนหุ้นส่วนคู่นี้ “ใครผิด ใครถูก” รู้กันแก่ใจตัวเองดี…ก็แหมมมทีตอนจูบปากสานสัมพันธ์ทำธุรกิจร่วมกันจนโกยกำไรไปอู้ฟู่ ไม่เห็นจะมาเล่าให้ฟัง พอแตกคอกัน กลับกลายเป็นเอาเรื่องภายในมาโพนทะนา
เรื่องราวทั้งหมดนี้ ผู้เขียนไม่ได้ชี้นำให้เชื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือมุ่งหมายจะชี้ผิดชี้ถูก แต่ต้องการจะเขียนขึ้นมาให้อ่านเพื่อความบันเทิง ประกอบความรอบรู้แวดวงการเมืองไทย เท่านั้นแหละจ๊ะ