เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย และอดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มการเมืองนำเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มาเชื่อมโยงเพื่อหวังผลการเมือง และโจมตีสถาบันว่า ตนคิดว่าแต่ละวาระ หรือแต่ละคราวมันเป็นคนละเรื่องคนละตอน ซึ่งเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือเหตุการณ์ 16 ตุลา 2519 หรือเหตุการณ์พ.ค. 2535 จะนำมาเชื่อมโยงกันไม่ได้ เพราะไม่เหมือนเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 หรือเหตุการณ์ 22 พ.ค. 2557 จนถึงปัจจุบันที่เหตุการณ์นี้เชื่อมโยงกันได้ เพราะกลุ่มบุคคลเขาอ้างกันไปมา และมีการกระทำการต่อเนื่องกัน แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย มันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนกับสมัยเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือเหตุการณ์ 16 ตุลา 2519 ซึ่งจะให้มาเชื่อมโยงปัจจุบันนั้นไม่ได้ เพราะเหตุขาดตอนไปแล้ว
รวมถึงเรื่องสถาบันที่เมื่อปี2519 มีการกล่าวอ้างและยกเหตุเรื่องการล่วงละเมิดต่อสถาบันมาเป็นเหตุ หากจะเชื่อมโยงปัจจุบันเชื่อมกันไม่ได้ เพราะถือเป็นคนละตอนแล้วเหตุในปัจจุบันมันเกิดของมันเองที่คนลุกขึ้นมาจะปฏิรูปสถาบัน หรือจาบจ้วงล่วงเกินต่างๆ บรรดาคนที่ทำ ณ วันนี้นั้นส่วนใหญ่ท่านยังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น เมื่ออ่านหนังสือยังไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนั้นแล้วจริงๆอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่คนก่อการณ์ทุกวันนี้แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องตอนนั้น รวมถึงการจะทำอะไรสักอย่างหากจะต้องยกอ้างอดีตมาเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการตลอด แปลว่าท่านไร้ความสามารถ เพราะอ้างอดีตว่านำมาเป็นบทเรียนอาจเป็นเหมือนเดิมหรือสอนอะไรไม่ได้ อ้างว่าจะมาทำต่อ ทั้งที่ขาดตอนไปแล้ว แปลว่าท่านไร้ความสามารถ ทำอะไรเองไม่ได้ ต้องยกอ้างอดีตตลอด ควรไปทำอะไรที่เป็นเรื่องใหม่และจรรโลงสังคมมากกว่า
เมื่อถามว่า ตอนนี้ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า รวมถึงส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาแอคชั่นย้ำมีจุดมุ่งหมายปฏิรูปสถาบัน นายเจษฎ์ กล่าวว่า ไร้ความสามารถในการทำเอง เลยต้องแอบอ้างอดีตที่เป็นคนละเรื่องกัน และเหตุการณ์ขาดตอนออกจากกันแล้ว เป็นเพียงสัญลักษณ์ทางการเมืองในการเรียกร้องเท่านั้น