นายแกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งตอนใต้รัฐแคลิฟอร์เนียแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลนอกชายฝั่งออเรนจ์ เคาน์ตี้ ซึ่งอยู่ทางใต้ของนครลอสแอนเจลิส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เผยว่าน้ำมันดิบจำนวนกว่า 1 แสน 3 หมื่นแกลลอนได้รั่วไหลออกจากท่อส่งน้ำมัน ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดฮันติงต้น ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ออกไปเพียง 8 กม. ทำให้น้ำมันรั่วไหลครอบคลุมพื้นที่กว่า 20 ตารางกิโลเมตร นับเป็นเหตุน้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีของรัฐแคลิฟอร์เนีย
เจ้าหน้าที่ได้สั่งปิดชายหาดตอนใต้รัฐแคลิฟอร์เนีย ตลอดทั้งแนวเป็นระยะทางราว 24 กม. ตั้งแต่ฮันติงตั้น บีช เรื่อยลงไปจนถึงลากูน่า บีช พร้อมส่งเจ้าหน้าที่และเรือ 14 ลำเร่งเก็บกู้คราบน้ำมัน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยามฝั่งตรวจพบจุดที่เกิดรอยรั่ว โดยคาดว่าเกิดจากเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ทิ้งสมอไปถูกท่อน้ำมัน และเกี่ยวลากเอาท่อน้ำมันจนทำให้เกิดโค้งงอ ลักษณะคล้ายคันธนู และทำให้เกิดรอยรั่วขึ้น โดยท่อน้ำมันท่อนี้เป็นของบริษัทแอมพลิฟาย เอ็นเนอร์จี้
เจ้าหน้าที่ประกาศเตือนประชาชนให้ออกห่างจากชายฝั่ง และห้ามสัมผัสคราบน้ำมันเนื่องจากสารพิษจากน้ำมันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และล่าสุดพบนกทะเลและปลาลอยขึ้นมาตายจำนวนนึงแล้ว สร้างความวิตกว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสัตว์ทะเล
ท่าเรือแอลเอ และลองบีช เป็นสองท่าเรือสำคัญที่มีการขนส่งมากที่สุดของโลก ทำให้มีเรือขนส่งเข้าจอดเทียบท่าจำนวนมาก และในช่วงระบาดของโควิด การขนส่งหยุดชะงักลง ทำให้มีเรือสินค้าหลายร้อยลำต้องเข้ามาจอดเทียบท่า จึงอาจเป็นเหตุให้การแออัด และมีการทิ้งสมอลงไปผิดที่จนเกิดท่อรั่ว