นายฌอง-มาร์ช โซเว หัวหน้าคณะกรรมาธิการที่รวบรวมรายงานเปิดเผยว่า การสอบสวนเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศในคริสตจักรคาทอลิกฝรั่งเศสพบว่ามีเด็กประมาณ 216,000 คนตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดด้วยน้ำมือของคณะสงฆ์ตั้งแต่ปี 1950 (พ.ศ. 2493)
คณะกรรมการชุดนี้จัดตั้งขึ้นโดยบาทหลวงคาทอลิกในฝรั่งเศสเมื่อปลายปี 2018 เพื่อชี้แจงการละเมิดและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของสาธารณชนในศาสนจักร โดยเป็นการทำงานอิสระจากศาสนจักร เหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชาย อายุระหว่าง 10 – 13 ปี ช่วงที่มีการค้นพบว่ามีการล่วงละเมิดเยอะสุดคือช่วงปี 1950 – 1970 (พ.ศ. 2493-2513) และกลับมามีเยอะอีกครั้งช่วงต้นยุค 90
โซเว กล่าวว่าปัญหานี้ยังคงอยู่ ซึ่งคริสตจักรคาทอลิกเมินเฉยต่อเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมายาวนานจนถึงปี 2000 และเพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนทัศนคติจริงๆ ช่วงปี 2015 และ 2016 เท่านั้น ปฏิกิริยาของคริสตจักรคาทอลิกคือการปกป้องตัวเองในฐานะสถาบัน มันได้แสดงให้เห็นอย่างสมบูรณ์ว่า คริสตจักรคาทอลิกไม่แยแสต่อผู้ที่ถูกทารุณกรรม
โซเวกล่าวต่อว่า คำสอนของคริสตจักรคาทอลิกในหัวข้อต่างๆ ช่วยสร้างช่องโหว่ที่อนุญาตให้นักบวชล่วงละเมิดทางเพศได้คริสตจักรจำเป็นต้องปฏิรูปวิธีการจัดการกับปัญหาเหล่านั้นเพื่อสร้างความไว้วางใจขึ้นใหม่กับสังคม คริสตจักรต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนรายงานการล่วงละเมิดต้องถูกส่งไปยังหน่วยงานตุลาการ นอกจากนี้ยังต้องให้ค่าชดเชยทางการเงินที่เพียงพอแก่เหยื่อด้วย
สำหรับเรื่องอื้อฉาวในฝรั่งเศสครั้งนี้ เป็นการเปิดเผยล่าสุดที่ทำให้คริสตจักรนิกายโรมันคาธอลิกสั่นสะเทือน หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศทั่วโลกหลายครั้ง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับเด็ก