มาเลเซียอนุมัติใช้วัคซีนสลับยี่ห้อสำหรับเข็มสาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าระบบเฟซบุ๊คเริ่มกลับมาใช้งานได้เมื่อ 6 โมงเช้าตามเวลาของไทย หลังจากเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ 23 นาฬิกาเมื่อคืนนี้ โดยระบบล่มทั่วโลกนานเกือบ 6 ชม ถือเป็นการล่มครั้งใหญ่ครั้งที่สองของยักษ์ Social Media แห่งนี้ นับจากปัญหาแบบเดียวกันเมื่อปี 2008 ซึ่งทำให้ใช้งานไม่ได้นานหนึ่งวันเต็ม
การล่มครั้งล่าสุดกระทบเป็นวงกว้าง เพราะนอกจากผู้ใช้ Facebook แล้ว Platform ในเครืออย่าง WhatsApp และ Instagram ก็ใช้งานไม่ได้ไปด้วย หลังจากเริ่มกลับมาใช้ได้หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของเฟซบุ๊คก็ทวิตขอโทษ และยอมรับว่าอาจต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่งกว่าระบบจะกลับมาใช้ได้ 100% เต็ม
ท่ามกลางการประเมินของ The Wall Street Journal (WSJ) ว่า Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook อาจสูญเงินจากการล่มครั้งนี้ เฉลี่ยชั่วโมงละมากถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 200,000 ล้านบาท)
แม้ทาง Facebook ไม่ได้แจ้งว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่สำนักข่าวใหญ่ๆ อย่าง Reuters, CNBC และ AP รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์และพนักงาน Facebook บางคนว่า อาจมาจากความผิดพลาดในระบบของ Facebook เอง หรืออาจเกิดจากอัพเดตการเชื่อมต่อ หรืออาจถูกแฮ็กโดยคนภายในเฟซบุ๊คเอง
การใช้งานไม่ได้ครั้งนี้ส่งผลต่อหุ้นของ Facebook พอสมควร โดยฉุดให้หุ้นที่ซื้อ-ขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐวานนี้ (4 ตุลาคม) ร่วงลงไปถึง 4.9 %
.
เหตุการณ์นี้ถือเป็นข่าวเชิงลบของ Facebook ที่เกิดขึ้นติดกันช่วงห่างกันไม่ถึง 1 วัน หลังแฟรนเซส ฮอเก้น อดีตผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊คที่ลาออกตั้งแต่พฤษภาคม ได้ออกมาเปิดตัวว่า ตนคือที่ผู้ให้ข้อมูลกับทั้งสำนักข่าว Wall Street Journal และทางการสหรัฐ กรณีที่เฟซบุ๊คยอมปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและเป็นอันตรายต่อเยาวชน และยังรวมถึงบรรดา Hate Speech สร้างความแตกแยกทั้งหลาย เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ทางธุรกิจและผลกำไร มากกว่าผลเสียที่จะตามมา โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน