No data was found

ศุภชัย จี้สื่อดังแสดงความรับผิดชอบใส่ความ อนุทิน

กดติดตาม TOP NEWS

กรุงเทพฯ 3 พ.ค.- "ขุนพลภูมิใจไทย" โวยกูรูสื่อดัง กล่าวหา "อนุทิน" ขัดขวาง เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด 19” ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จี้แสดงความรับผิดชอบ

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Suphachai Jaismut” ถามหาความรับผิดชอบจากผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่กล่าวหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่าเป็นคนคัดค้านให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19

นายศุภชัย ระบุว่า “เมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา ผมได้ชมรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งจัดโดยนักหนังสือพิมพ์ระดับกูรู และผู้ร่วมจัดรายการอีกสองท่านซึ่งก็เป็นนักสื่อสารมวลชนระดับกูรูเช่นเดียวกัน ส่วนตัวผมรู้จักทั้งสามท่านดี แต่หากผมไม่ออกมาแสดงความเห็น และท้วงติงกับการดำเนินรายการนั้นในคืนนั้น จะมีประชาชนจำนวนมากเชื่อตามสิ่งที่ผู้ดำเนินรายการกล่าว ก็จะเกิดความเข้าใจผิดและมีผลกระทบ ได้รับความเสียหาย จากการนำเสนอโดยข้อมูลที่เป็นเท็จ และผมเห็นว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ดำเนินรายการต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยการขอโทษ และเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณะว่า ความที่นำเสนอไปนั้นไม่ตรงกับความจริง โดยหัวข้อที่ผู้ดำเนินรายการได้นำเสนอคือมีการกล่าวว่า “นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข มีส่วนขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด 19”

นายศุภชัย ระบุต่อว่า “ที่มีข่าวว่า นายอนุทิน เข้าพบนายกฯ และแสดงความเห็นในเชิงไม่สนับสนุนให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีน เพราะถ้าเอกชนทำสำเร็จ จะทำให้รัฐบาลสูญเสียคะแนนนิยม ซึ่งนายกฯ เชื่อจนกลายมาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล สิ่งที่ผู้ดำเนินรายการกล่าวในรายการเรื่องนี้ ไม่เป็นความจริง เพราะนายอนุทินไม่เคยพูด หน้าที่นายอนุทิน คือจัดหาวัคซีนให้คนไทย รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่คนไทย แต่ทำมาหากินภายในประเทศ ส่วนเอกชนที่เข้ามาจัดหายินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเรื่องวัคซีนเหลือย่อมดีกว่าขาด นายอนุทินเคยอยู่ภาคเอกชนมาก่อน เข้าใจความรู้สึกของภาคเอกชน เข้าใจว่าเอกชนมีความคล่องตัว และต้องการเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายรัฐรับฟังทุกข้อเสนอของเอกชน เอกชนรายไหนหาวัคซีนมาลงทะเบียนได้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็พร้อมตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนให้ทันที

“ปัญหาทั้งหมดมันเกิดมาจากเอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่า รัฐบาลปฏิเสธเอกชนที่ต้องการช่วยเหลือเรื่องการนำเข้าวัคซีน โดยเอกสารอ้างว่าเพราะรัฐบาลมีศักยภาพและความสามารถในการหาวัคซีนได้เพียงพอตามเป้าแล้ว ซึ่งความเป็นจริง รัฐไม่เคยห้ามเอกชนเลย ย้อนกลับไปในวันที่ 28 เม.ย. นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับภาคเอกชน ทั้งหอการค้า การธนาคาร และอุตสาหกรรม ได้ข้อสรุปว่าเปิดทางให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนได้อย่างเต็มที่ รัฐไม่ปิดกั้น แต่หากทำตรงส่วนนั้นไม่ได้ หาเข้ามาไม่ได้ ซึ่งรัฐเปิดทางให้เจรจาแล้ว ขอให้เอกชนสนับสนุนในเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้สถานที่ รวมไปถึงการนำพนักงานมารับบริการวัคซีน ซึ่งในวันนั้นทางนายกฯ ได้ถามนายอนุทินว่า หากภาคเอกชนสามารถนำวัคซีนเข้ามาได้แล้ว ทางหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขจะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ ก็ตอบไปว่าพร้อมอำนวยความสะดวกอย่างแน่นอน” นายศุภชัย ระบุ

นายศุภชัย ระบุอีกว่า เรื่องราวทั้งหมดมีเท่านี้ จากนั้น หลังจากเอกสารฉบับแรกออกมาแล้ว และมีการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม จึงมีการออกเอกสารอีกฉบับหนึ่งมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ก็ดูจะสายเกินไป เพราะว่าเอกสารฉบับแรกได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม เหมือนกับที่นายอนุทินจะต้องออกมาอธิบายชี้แจงข้อเท็จจริง ในวันนี้กับข่าวที่บอกว่าปฏิเสธการให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยจัดหาวัคซีน ซึ่งไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายอนุทินยืนยันก็คือ เหตุผลที่เอกชนยังไม่สามารถนำวัคซีนเข้ามาได้นั้น เนื่องจากว่าทางผู้ผลิตวัคซีนยังระบุว่า การใช้วัคซีนเป็นไปภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบใดๆ ตามมา ทางผู้ผลิตเห็นว่ามีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถเข้าไปรับผิดชอบตรงส่วนนี้แทนเอกชนได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตกำหนดให้เพียงรัฐบาลของแต่ละประเทศได้สิทธิ์ในการจัดหาวัคซีน

“สำหรับประเทศไทย กฎหมายของ สปสช. ระบุว่าหากใครก็ตามที่ได้รับการบริการด้านสาธารณสุขจากทางภาครัฐ แล้วเกิดความเสียหาย ทางภาครัฐจะเข้าไปเยียวยาตามกฎหมายกำหนด ในส่วนของความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนล่าสุดนั้นทางแอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่าภายในเดือนมิ.ย. 2564 จะสามารถส่งมอบวัคซีนให้ไทยได้ ในขณะที่ทางบริษัทไฟเซอร์ได้ส่งตัวแทนระดับผู้บริหารเข้ามาพูดคุยกับทางการไทยแล้ว โดยข้อมูลล่าสุดไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนสามารถจัดเก็บในอุณหภูมิที่สูงขึ้น และสามารถฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ตอนนี้กำลังหารือในเรื่องของวันจัดส่ง ซึ่งทางไฟเซอร์ย้ำว่า จะหาทางทำให้ได้ตามที่ทางการไทยต้องการ การพูดคุยยังดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผู้ผลิตรายอื่น ที่ไทยยังไม่ล้มเลิกความพยายาม และนี่คือความจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ได้มีการนำเสนอ

ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยน ช่องทาง วิธีการ รูปแบบสื่อสารจะเปลี่ยนไปเช่นไร แต่สิ่งที่จะต้องดำรงอยู่คือจรรยาบรรณ และจะต้องเสนอแต่ความจริงเท่านั้น ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ”อาชีวปณิธาน” ของคนทำสื่อ กรณีนี้นายอนุทิน อาจจะไม่ติดใจเอาความกับความเท็จที่นำเสนอให้ได้รับความเสียหาย แต่ผม และมวลสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าผู้ร่วมดำเนินรายการ และสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าวจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้” นายศุภชัย ระบุ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชลบุรี ปล่อยทุกข์โศกลงทะเล ใน ประเพณีแห่องค์พญายม หนึ่งเดียวในโลกที่บางพระ ชลบุรี
"บิ๊กต่าย" ยันเซ็นเองให้ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อม 4 ตร.ออกราชการไว้ก่อน มั่นใจมีอำนาจเต็ม
สรุปยอด 7 วันอันตราย "สงกรานต์" ดับ 287 ราย 3 จังหวัด อุบัติเหตุสูงสุด
"กกต." ประกาศระเบียบเลือก "สว." เผยอยู่ระหว่างรอประกาศราชกิจจาฯ
"สว.สมชาย" จี้กกต.ตัดตอนขบวนการฮั้วเลือกสว. หลัง "ธนาธร" ลงนครศรีฯ ปลุกระดมเครือข่ายสมัคร ชี้ส่อขัดกม.รัฐธรรมนูญ
เริ่มแล้ววันไหลสงกรานต์ ชาวนาเกลือ ประชาชนออกมาสาดน้ำกันอย่างคึกคัก การจราจรเป็นอัมพาต
คาร์แคร์ คึกคัก ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ คนแห่นำรถมาล้างดินสอพองแน่นร้าน
ดราม่าสนั่นโซเชียล ป้ายรถเมล์ไม่อัปเดต ปชช.พึ่งตัวเอง เขียนเส้นทางข้อมูลการเดินรถใหม่ ล่าสุด “สุริยะ” สั่งจัดการแล้ว
"จั๊กกะบุ๋ม" ร่ำไห้ก้มกราบเท้า "เป็ด เชิญยิ้ม" กลางตลาด หลังเจอมรสุมหนักถาโถม
"มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์" ร่วมสนับสนุน "ยังมีเรา-ท็อปนิวส์-ไทยสมาย กรุ๊ป" มอบทุนการศึกษา สร้างอนาคตที่ดีให้เยาวชน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น